เมื่อเกิดทุกข์มากๆ
ผลที่ตามมาไม่ได้มีต่อจิตใจหรืออารมณ์ตามที่ได้กล่าวมาแล้วเท่านั้น
แต่จะมีผลกระทบต่อร่างกายและความเป็นอยู่ทุกอย่างของเราด้วย เช่น
คนส่วนใหญ่จะกินไม่ได้ นอนไม่หลับ หรือบางคนอาจจะกินมากขึ้น นอนมากกว่าปกติ
ไม่อยากพูดกับใคร ไม่อยากทำงาน
หรือทำงานไม่ได้เพราะจิตใจว้าวุ่นถ้าเรารู้สึกว่าทุกข์มาก กลุ้มมาก
ควรจะขจัดออกไปให้เร็วและมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
ต้องยอมรับว่าเรามีความทุกข์ต้องรีบแก้ไข
หาสาเหตุของความทุกข์นั้น
ว่าเราทุกข์เรื่องอะไร ใครที่ทำให้เราทุกข์
และตัวเรามีส่วนทำให้เกิดความทุกข์เองด้วยหรือไม่ ระบายความทุกข์
โดยพูดคุยกับเพื่อนสนิทหรือญาติผู้ใหญ่ที่รับฟังเรา ไม่ต้องกลัวเขาจะหาว่าเราอ่อนแอ
ไม่เข้มแข็ง
ถ้าเราไม่ได้ระบายความทุกข์ออกบ้างต้องเก็บไว้คนเดียวเราจะรู้สึกอึดอัด
แต่ถ้าได้พูดให้ใครฟังบ้างเรื่องความทุกข์นั้น
จะรบกวนความรู้สึกนึกคิดของเราน้อยลง
จะทำให้เรามองเห็นทางที่จะแก้ไขปัญหาได้ง่ายขึ้น เรื่องอะไร เราจะเก็บความทุกข์เอาไว้คนเดียว
หากิจกรรมทำเพื่อให้เหนื่อยและเป็นการดึงความคิดเกี่ยวกับความทุกข์ออกไปจากตนเอง และช่วยให้หลุดพ้นจากวังวนความคิดด้วยตนเอง
ถ้ามีงานทำอยู่แล้วก็ควรทุ่มเทกับงานให้มาก เช่น ทำงานบ้าน ปลูกต้นไม้ เล่นกีฬา
หรือออกกำลังกาย ปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม เช่น เปลี่ยนจากสถานที่ที่จำเจชั่วคราว เพื่อช่วยให้รู้สึกสบายใจ
เมื่อเราพยายามช่วยตัวเองด้วย
วิธีการต่างๆ แล้ว ยังรู้สึกไม่ดีขึ้นหรือทนความทุกข์ไม่ได้
ก็ควรจะไปพบผู้ที่มีความรู้ที่สามารถให้การช่วยเหลือเราได้ที่สถานบริการสาธารณสุขต่างๆ
ที่ใกล้บ้าน เช่น สถานีอนามัย โรงพยาบาล หรือหน่วยงานที่ให้บริการ
จงละเว้นการแก้ปัญหาแบบต่างๆ ต่อไปนี้
อย่าแก้ปัญหาแบบวู่วามใช้อารมณ์เป็นใหญ่
เมื่อเจอปัญหาให้พยายามสงบสติอารมณ์อย่างเพิ่งเอะอะโวยวาย
ให้หายใจช้าๆ ลึกๆ สัก 4-5 ครั้ง หรือนับ 1-10
ก่อนจะตอบโต้อะไรออกไป จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังกับสิ่งที่ได้ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
อย่าหนีปัญหา แล้วหันเข้าหาบุหรี่
สุรา สารเสพติด การพนัน การเที่ยวกลางคืน ฯลฯ เพื่อช่วยให้สบายใจขึ้นชั่วคราว จงกล้าเผชิญปัญหา และอย่าผัดวันประกันพรุ่ง
รีบแก้ปัญหาเสียแต่เนิ่นๆ อย่าปล่อยให้ค้างคาอยู่เป็นเวลานาน
เพราะความเครียดจะสะสมมากขึ้นด้วย
อย่าคิดแต่จะพึ่งพาผู้อื่นอยู่ร่ำไป จงถือคติ
“ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” หัดใช้ความสามารถของตัวเองบ้าง
แล้วจะเกิดความภาคภูมิใจในตัวเองแต่ถ้าปัญหานั้นเหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ
และลองใช้ความสามารถของตัวเองแล้ว ก็ยังไม่ได้ผล การขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นก็เป็นเรื่องที่พึงทำได้
อย่าเอาแต่ลงโทษตัวเอง คนเราทำผิดกันได้
ถ้าพลาดไปแล้ว จงให้โอกาสตัวเองที่แก้ไขและอย่าได้ทำผิดในเรื่องเดิมซ้ำอีก การเฝ้าคิดลงโทษตัวเองไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา
และไม่ได้อะไรขึ้นมา นอกจากความทุกข์ใจเท่านั้น
อย่า โยนความผิดให้คนอื่น จงรับผิดชอบในสิ่งที่ได้ทำร่วมกัน การปฏิเสธไม่ยอมรับผิดชอบ
โดยโยนความผิดให้คนอื่น ไม่ช่วยแก้ปัญหา มีแต่จะก่อความแตกแยกให้มากขึ้นเท่านั้น
จงแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ใช้เหตุผลและใช้ความคิดพิจารณาให้ถี่ถ้วน
โดยคิดหาสาเหตุของปัญหาด้วยใจเป็นธรรม ไม่เข้าข้างตัวเองไม่โทษคนอื่น
คิดหาวิธีแก้ปัญหาหลาย ๆ วิธี ถ้าคิดเองไม่ออกอาจปรึกษาผู้ใกล้ชิดหรือผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า
ลงมือแก้ปัญหาตามวิธีที่คิดไว้ อาจต้องใช้ความกล้าหาญ อดทน
หรือต้องใช้เวลาบ้างอย่าได้ท้อถอยไปเสียก่อน ประเมินผลดูว่าวิธีที่ใช้ได้ผลหรือไม่
ถ้าไม่ได้ผลก็เปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นๆ ที่เตรียมไว้จนกว่าจะได้ผล
แก้ปัญหาได้ก็หายทุกข์ สาเหตุของความทุกข์ใจมาจากปัญหาต่างๆ
ที่เกิดขึ้นในชีวิตระดับของความทุกข์ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของปัญหา ในช่วงที่ยังแก้ปัญหาไม่ได้
จะรู้สึกเครียดมากทุกข์มาก เมื่อแก้ปัญหาได้แล้ว
ความเครียด ความทุกข์ใจ ก็จะหมดไป เราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องเหมาะสม
เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น
* คิดอย่างไรไม่ให้ทุกข์
ความคิด
เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คนเราเกิดความทุกข์ยิ่งคิดมากก็ทุกข์มาก หากรู้จักคิดให้เป็นก็จะช่วยให้ลดความทุกข์ไปได้มาก
* วิธีคิดที่เหมาะสม
ได้แก่
1.
คิดในแง่ยืดหยุ่นให้มาก
อย่าเอาแต่เข้มงวด จับผิด
หรือตัดสินผิดถูกตัวเองและผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา จงละวาง ผ่อนหนัก ผ่อนเบา
ลดทิฐิมานะ รู้จักให้อภัยไม่ถือโทษโกรธเคือง หัดลืมเสียบ้าง ชีวิตจะมีความสุขมากขึ้น
2.
คิดอย่างมีเหตุผล
อย่าด่วนเชื่ออะไรง่ายๆ
แล้วเก็บเอามาคิดวิตกกังวล ให้พยายามใช้เหตุผลตรวจสอบหาข้อเท็จจริง
ไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อนนอกจากจะไม่ต้องตกเป็นเหยื่อให้ใครหลอกได้ง่ายๆ
แล้วยังตัดความกังวลได้ด้วย
3. คิดหลายๆ
แง่มุม
ลองคิดหลายๆ
ด้าน ทั้งด้านดี และด้านไม่ดี
เพราะไม่ว่าคนหรือไม่ว่าเหตุการณ์อะไรก็ตามย่อมมีทั้งส่วนดี
และไม่ดีประกอบกันทั้งนั้นอย่ามองเพียงด้านเดียวให้ใจเป็นทุกข์
นอกจากนี้ควรหัดคิดในมุมของคนอื่นบ้าง เช่น เจ้านายจะแก้ปัญหานี้อย่างไรเป็นต้น
จะช่วยให้มองอะไรได้กว้างไกลกว่าเดิม
4. คิดแต่เรื่องดีๆ
ถ้าคอยคิดถึงแต่เรื่องร้ายๆ
เรื่องความล้มเหลว ผิดหวังหรือเรื่องไม่เป็นสุขทั้งหลายก็ยิ่งทุกข์ไปใหญ่
ควรคิดถึงเรื่องดีๆ ให้มากขึ้น เช่น คิดถึงประสบการณ์ที่เป็นสุขในอดีต
ความสำเร็จในชีวิตที่ผ่านมา คำชมเชยที่ได้รับ ความดีของคู่สมรส
ความมีน้ำใจของเพื่อน ฯลฯ จะช่วยให้สบายใจมากขึ้น
5. คิดถึงคนอื่นบ้าง
อย่าคิดหมกมุ่นอยู่กับตัวเองเท่านั้น
เปิดใจให้กว้าง รับรู้ความเป็นไปของคนใกล้ชิด และใส่ใจที่จะช่วยเหลือ
สนใจปัญหาของผู้คนในสังคมบ้างบางทีคุณอาจจะพบว่าปัญหาที่คุณกำลังเป็นทุกข์อยู่นี้
ช่างเล็กน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับปัญหาของคนอื่นๆ คุณจะรู้สึกดีขึ้น
และยิ่งถ้าคุณช่วยเหลือคนอื่นได้ คุณจะสุขใจขึ้นเป็นทวีคูณด้วย
ที่มาของข้อมูล: คู่มือดูแลตนเอง
เรื่อง ทำอย่างไรเมื่อใจเป็นทุกข์ โดย กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข