หยุดกินเนื้อวัวกันเถอะ
บทควมโดย มิสจุฑารัตน์ ศรีวิโรจน์
วัวตัวหนึ่งร้องไห้น้ำตาไหลพราก เมื่อรู้ว่าจะต้องถูกฆ่าสังเวยงานบุญ วัวตัวนี้ถูกผูกไว้ที่ใต้ถุนบ้าน คนที่เดินผ่านไปมาก็เล็งกันว่า ฉันจะกินตับ ฉันจะกินไส้
ฉันจะกินเลือด ฉันจะกินเนื้อ วัวได้ยินเสียงปรารภของมนุษย์ จิตวิญญาณก็ห่อเหี่ยวเศร้าหมอง เมื่อรู้ว่าไม่รอดแน่แล้ว ตกกลางคืนจิตจึงมุ่งไปหาท่านผู้ทรงศีล ที่มีภูมิธรรมสูง
ไปบอกท่านทางจิตว่า หากมีคนเอาเนื้อของวัวมาให้ท่านกิน ก็ช่วยกินเถิด แล้วก็ช่วยแผ่เมตตาให้เขาได้หลุดพ้นจากบ่วงกรรมด้วยเถิด อย่าได้เกิดมาเป็นสัตว์ให้เขาฆ่าแกงอีก
หยุดกินเนื้อวัวได้เป็นกุศลเพราะวัวนั้นได้ทำหน้าที่แทนผู้เป็นแม่
ในบรรดาเนื้อสัตว์ที่ให้คุณมากที่สุด เนื้อวัวเป็นสัตว์ที่มนุษย์ควรยกเว้น ไม่ว่าจะอยู่ในเชื้อชาติใด
ศาสนาใด เพราะวัวนั้นได้ทำหน้าที่แทนผู้เป็นแม่ ด้วยการผลิตนมให้ลูกกิน นมวัวเป็นส่วนสำคัญในการสร้างมนุษย์
สิ่งใดให้คุณต่อเรา เราย่อมสำนึกถึงคุณนั้น เราจึงต้องนึกถึงเสมอว่า วัวเป็นสัตว์มีบุญคุณ
อย่าได้โหดร้ายถึงขนาดกินทั้งนมกินทั้งเนื้อ กินทุกอย่างโดยขาดความเมตตาต่อเขาวัวเหมือนเป็นสัตว์เทพ
ด้วยไม่มีสัญชาติญาณที่โหดร้าย เพราะกินแต่หญ้า หากเราคิดว่าเหตุที่วัวกินหญ้านั้นเป็นธรรมชาติของมัน
นั่นก็แสดงว่าฐานะเดิมทางจิตของวัวนั้นเป็นจิตกุศล
"เมนูเนื้อลูกวัวย่าง"
เคยได้ยินเพื่อนสนทนากันเรื่องเมนูเลิศรสที่อร่อยนักหนา หนึ่งในเมนูรสเด็ดนั้นคือ
เนื้อลูกวัวย่าง ที่แสนอ่อนนุ่มและอร่อย เพราะเนื้อยังอ่อนนัก เกิดมาไม่ถึง ๒ ปีดีก็ถูกปิ้งเสียแล้ว
คำว่า “ลูก” ฟังเมื่อใดใจก็อ่อนโยนเมื่อนั้น
พอลูกถูกไปอยู่ในเมนู ฟังแล้วก็สลดด้วยสงสาร เมนูอาหารรสเด็ดสามารถสร้างดัชนีทดสอบความอ่อนโยนในจิตใจมนุษย์ได้
ไม่เชื่อก็ลองฝึกสังเกตอ่านเมนูให้ละเอียดแล้วจะรู้ว่า"เมนูเนื้อกระต่ายทอดกรอบหรือ
เนื้อม้าอบซอสมะเขือเทศ“น่าอร่อยหรือน่าเวทนา"การกินเนื้อกระต่ายและเนื้อม้ามีอยู่จริงในประเทศฝรั่งเศสหลวงปู่เทสก์เทสรังสีท่านเทศน์ไว้ว่า"ตัวเราของเราก็เป็นป่าช้าที่ฝังผีของสัตว์ต่างๆ มีหมู วัว เป็ด ไก่
เป็นต้น ซึ่งเราขนมาฝังอยู่ทุกๆวัน"การตายของสัตว์ที่ถูกฆ่ากินเป็นอาหาร เป็นการตายก่อนอายุขัย
หมายถึง ตายก่อนวัยอันควร เช่น วัวมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ ๒๕ ปี
เมื่อถูกฆ่าตายเสียก่อน จิตวิญญาณก็ไม่มีที่ไป ต้องวนเวียน อยู่ในสภาวะก่อนตาย คือ
วนเวียนอยู่กับคนที่ฆ่า และคนที่กินตัวเอง โดยเฉพาะหากปลงไม่ได้ที่ต้องกลายมาเป็นอาหารอันโอชะ
จิตก็จะเกิดเป็นแรงแค้น และส่งกระแสจิตที่คับแค้น มาแทรกกระแสจิตของคนที่เกี่ยวข้องทำให้เกิดเป็นความ
หม่นหมอง สับสน หดหู่ นอนไม่หลับ ร่างกายก็อึดอัดไม่สบาย
กลายเป็นที่มาของการสะสมโรคภัย ต่างจากการบริโภคผักหรือสลัดผู้บริโภคจะรู้สึกโปร่งเบาสบายทั้งกายและใจเพราะไม่มีกระแสจิตมาแทรก
ที่มา:หนังสือโอวาทจากดวงวิญญาณบริสุทธิ์สมเด็จโตโอวาท
ที่มา:หนังสืออ่านก่อนตาย
ที่มา : หนังสือมีศีล…ก่อนจะสาย