กาลเวลาเปลี่ยน ส่งผลให้ทุกอย่างรอบตัวต้องปรับให้สอดรับการเปลี่ยนแปลง
เช่นเดียวกับรูปแบบการศึกษาเล่าเรียน
ซึ่งการจะพัฒนาการศึกษาให้ประสบความสำเร็จในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนั้น
จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการคาดการณ์แนวโน้มอนาคตทางด้านการศึกษา
เพื่อนำมาใช้ประกอบการจัดการศึกษาอย่างสอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลง
เพื่อหลีกเลี่ยงอุปสรรค โดยใช้ประโยชน์สูงสุดจากแนวโน้มอนาคตที่จะมาถึง
แนวโน้มเทรนด์การศึกษาในปี
2015
จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการศึกษาได้ดังนี้
"ฮาร์มาน
ซิงห์" ซีอีโอของ WizIQ เว็บไซต์การศึกษาออนไลน์ในรูปแบบ
SaaS-based กล่าวว่า
การเรียนกลับด้านในแบบที่นักเรียนเรียนทางออนไลน์ ด้วยการดูวิดีโอบรรยายที่บ้าน ทำการบ้านที่โรงเรียน
โดยมีครูคอยให้คำปรึกษา และมีเพื่อนนักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
และแก้โจทย์คำถามต่าง ๆ ร่วมกันในห้องเรียน จะเข้ามามีบทบาทในการเรียนการสอนในปี 2015 มากขึ้น
"การเรียนรูปแบบดังกล่าวจะช่วยให้ครูผู้สอนสามารถสร้างการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ
และมีบรรยากาศสนุกสนาน อีกทั้งในปี 2015 จะเป็นยุคแห่งการเรียนรู้ด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่
(Mobile Learning) ซึ่งเราคาดว่าแพลตฟอร์มการเรียนรู้บนมือถือที่สามารถใช้ได้ทั้งบน
iOS และ Android จะมีมากขึ้น"
"การเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีเคลื่อนที่สามารถขับเคลื่อนเรื่องการมีส่วนร่วมของนักเรียนและครูผู้สอน
และยังเป็นปัจจัยที่จะผสานการเรียนรู้บนความแตกต่างของผู้เรียนเป็นรายบุคคล
และกลุ่มต่าง ๆ ให้เชื่อมต่อกัน อย่างไรก็ตาม ครูและนักเรียนไม่ควรแบกรับภาระของการเข้าถึงการเรียนรู้ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่มีการจัดการที่ยาก
ดังนั้นความท้าทายคือการพัฒนาอุปกรณ์การเรียนให้มีความยืดหยุ่น
และเอาประเด็นการศึกษามาใช้ในการออกแบบเป็นอันดับต้น
ๆซึ่งเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นมาก"
"จูดี้ เซลซ์" Executive
Director ของ ASCD (Association for Supervision and
Curriculum Development) กล่าวว่าในปี 2015 ความเปลี่ยนแปลงอาจจะไม่เกิดจากการขับเคลื่อนของแอปพลิเคชั่นโปรแกรมคอมพิวเตอร์
หรือแท็บเลต แต่จะเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการมีส่วนร่วมทั้งนักเรียน
และครูในห้องเรียนคงต้องยอมรับว่าการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคนไม่สามารถไปในทิศทางเดียวกันได้และจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเรียนการสอนในปี2015
โดยรูปแบบStudent-driven Learning หรือการให้นักเรียนมีบทบาทใหญ่ในการสร้าประสบการณ์การศึกษาของพวกเขา
จะเป็นแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยนักเรียนจะกลายมาเป็นผู้ที่กำหนดทิศทางการศึกษาของตัวเอง
และทำงานร่วมกับครูในการออกแบบการเรียนรู้
นอกจากนี้การเรียนการสอนทางออนไลน์รวมถึงการเรียนรู้ผ่านวิดีโอจะช่วยให้ครูทำงานกับนักเรียนเป็นรายบุคคลมากขึ้นเพราะเทคโนโลยีสนับสนุนการสร้างห้องเรียนแบบ
24 ชั่วโมง
จึงทำให้การทำโครงการกลุ่มของนักเรียนจากที่บ้านนั้นง่ายขึ้น"
"เอลเลน มอร์"
ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ New
Teacher Center กล่าวว่าในปี 2015 เป็นปีที่คาดหวังว่าจะเห็นรูปแบบการเรียนผสมผสานที่สามารถเข้าถึงนักเรียนแต่ละคน
และการความสำคัญมากขึ้นกับเรื่องชุมชนของชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ หรือ Professional
Learning Community หมายถึงการร่วมมือร่วมใจกันของครู
ผู้บริหารโรงเรียน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง การพัฒนาอาชีพครูเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้นเรื่อย
ๆ เพราะเมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการเรียนการสอน ครูผู้สอนจะต้องก้าวตามให้ทัน
และมีความสามารถที่จะใช้สื่อการเรียนการสอนที่มีเทคโนโลยีสูง ๆ
ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ การพัฒนาวิชาชีพครูทำได้หลายวิธี
เช่น การฝึกอบรมการปฏิบัติงาน การประชุมทางวิชาการ และการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยน
โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือการมีแนวทางพัฒนาวิชาชีพครูที่เฉพาะเจาะจง
และเหมาะสมกับครูแต่ละคนมากขึ้น"
"ทั้งนี้
การมุ่งเน้นให้ครูมีศักยภาพในการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง
โดยใช้ปัญหาเป็นเครื่องกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความต้องการที่จะศึกษาค้นคว้าหาความรู้
(Problem-based Learning) เป็นสิ่งที่ครูทุกคนควรต้องทำในปี 2015
นี้ เพื่อให้ผู้เรียนตัดสินใจที่ดี มีความคิดอย่างมีวิจารณญาณ
สามารถเรียนรู้การทำงานเป็นทีม และมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
จนสามารถก้าวทันกับสภาพการเปลี่ยนแปลงของโลกในทุกด้าน" อันเป็นทิศทางการศึกษาโลกประจำปี
2015
ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ