บทความวิชาการ “การพัฒนาครูสู่ครูมืออาชีพ”
บทความโดย มิสวิไลพร ทวยจัด
การพัฒนาครูอาจารย์ก็เหมือนการพัฒนาประเทศ
พัฒนาโลก หากครูซึ่งเป็นผู้ประสาทวิชาขาด แนวทางในการพัฒนาตนแล้ว คงจะไม่สามารถพัฒนาคำสอนหรือบทเรียนให้ทันตามโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ลองอ่านกันดู
1. ครูจะมีการเตรียมตัวก่อนเข้าสอน
เช่นวางขั้นตอนในการสอนว่าจะเริ่มสอนอะไรก่อน - หลัง และ ตามด้วยอะไรเป็นลำดับขั้นไว้ล่วงหน้า
2. ในการสอนไม่ควรปล่อยเวลาว่างให้มากหรือน้อยเกินไป
เพราะนักเรียนจะเล่น และคุยกัน ควรวางลำดับขั้นตอนการสอนให้ต่อเนื่อง
3. ควรสบตากับนักเรียน
และมั่นใจในขณะสอนและคิดไว้เสมอว่านักเรียนไม่รู้เท่าเรา (หากเรามีการเตรียมตัว
เราจะมีความมั่นใจ)
4. เมื่อนักเรียนคุย
ควรติติงว่าอย่าคุยให้ตั้งใจเรียน (การเรียกชื่อติติงจะแสดงถึงความเอาใจใส่นักเรียนทำให้นักเรียนสนใจมากขึ้น)
5. พยายามรักและมีความยุติธรรมต่อเด็กและให้โอกาสแสดงออกเสมอกัน
6. ชมเชยเมื่อนักเรียนทำงานถูกต้องหรือทำความดี
7. ทำโทษเด็กเมื่อนักเรียนทำผิด
ถ้าไม่ผิดอย่าลงโทษเด็ดขาด
8. ควรเก็บอารมณ์ หรือความรู้สึกส่วนตัวที่มีต่อนักเรียนไว้ไม่ให้ปะปนกับเรื่องการเรียน
9. เรียกถามตอบบ้างให้เขาได้พูดหรือแสดงออกบ้างโดยวิธีต่างๆ
เขาจะไม่เบื่อและสนุกสนานในการเรียน
10. เอาใจใส่นักเรียนให้สม่ำเสมอ
ไม่ถือตัว ไม่รังเกียจเขา
11. ควรคำนึงถึงความสามารถในการเรียน
และเวลาที่เขาจะเรียนได้ เด็กแต่ละช่วงอายุมีความสามารถในการสนใจเรียนเท่าใด
เช่นเด็ก ป.1 – ป.3 ไม่เกิน 20 นาทีติดต่อกัน
12. รักและเอ็นดูเขาไม่ใช้คำด่าทอที่รุนแรง
ดูถูก เหยียดหยาม
13. นักเรียนบางคนมีปมด้อย
หรือมีปัญหาครอบครัว ก็ให้เป็นกันเองกับเขาเห็นใจและสงสารเขาอย่ารังเกียจซ้ำเติม
14. อย่าลำเอียงและให้ความใส่ใจนักเรียนที่เรียนอ่อนบ้าง
เขาจะไม่เกเรหรือก้าวร้าว
15. มอบสิ่งเล็กๆน้อยๆแก่นักเรียนที่ยากจนขัดสน
เช่นให้ดินสอ ยางลบ ฯลฯ หรือขนมบ้างพอสมควร
16. ให้สัมผัสที่อบอุ่น และจริงใจ
เช่นแตะแขน แตะไหล่ เพื่อเป็นการปลอบใจในเวลาที่เหมาะสม
17. ครูต้องแม่นในเนื้อหา
อย่าแก้ปัญหาโดยพูดมั่วๆ
18. ในเวลา 1 คาบไม่ควรใส่เนื้อหาสาระมากมายนักเรียนจะไม่ได้อะไรเพราะจำไม่ไหวเกิดอาการล้าควรใส่เนื้อหาให้เหมาะสม
จะง่ายในการจดจำ
19. ปล่อยให้เขาได้เป็นอิสระสบายๆ
บ้าง ไม่เข้มงวดกวดขันจนเกินไป
20. พูดจาให้สุภาพอ่อนโยน
ควรมีเมตตา และถามไถ่ เรื่องส่วนตัวเขาบ้างตามสมควร
21. อย่าเอาเรื่องปมด้อยเด็กมาพูดเป็นเรื่องสนุก
และไม่ดูถูก ควรให้กำลังใจ
22. หากเด็กเจ็บป่วย ควรให้ความสนใจ
สงสารและดูแลเขา หากอาการหนักควรเป็นธุระแจ้งผู้ปกครอง หรือพาไปส่งโรงพยาบาล
23. สอนให้นักเรียนรู้จักหน้าที่มีคุณธรรม
และจริยธรรม
24. สอนให้เขาเห็นความสำคัญของการศึกษาในการอ่านออกเขียนได้คิดเลขเป็น
25. สอนให้รัก
และมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะ พ่อ - แม่
26. สอนให้รักบ้านเกิดเมืองนอน
ประเทศชาติ และเคารพรักสถาบันพระมหากษัตริย์
27. ปลูกฝังค่านิยมไทย
โดยครูเป็นตัวอย่าง เช่นทักทายกันด้วยการไหว้
28. ครูเป็นตัวอย่างในการแต่งกาย
ควรแต่งกายให้เหมาะสม และรู้จักการออมประหยัด
29. สอนให้ความรู้โดยไม่ปิดบัง
30. ให้เวลาพักบ้าง ถ้าเรียน 2
ชั่วโมงต่อกัน เมื่อนักเรียนหนักสมอง
31. เมื่อเข้าสอนควรถามนักเรียนก่อนว่า
เมื่อชั่วโมงที่แล้วนักเรียนเรียนวิชาอะไรครูให้ทำอะไร เช่นครูให้คัดไทย
ในชั่วโมงเราก็หลีกเลี่ยงการให้คัดเขียนมาก
32. เห็นคุณค่าของเขาว่าถ้าไม่มีพวกเขาเราจะทำอะไรกิน
เขาเป็นมันสมองของชาติ (เด็กฉลาดชาติเจริญ)
33. ยามเราทุกข์ เครียด
เขาช่วยเราได้เมื่อได้ใกล้ชิด เพราะเขาน่ารักบริสุทธิ์และจริงใจ
34. เขาเป็นแขนขาให้เราได้ยามเราเหน็ดเหนื่อย
เขาช่วยหยิบจับรับใช้และบางครั้งก็แนะนำอะไรๆ กับเราได้
35. ให้อภัยเขาหากเขาก้าวร้าวล่วงเกินเรา
36. ลืมปัญหาหรือความไม่สบายใจของเราไว้ก่อน
เมื่อเข้าสอน
37. อาจเล่าปัญหาของเราให้นักเรียนฟังบ้าง
เขาก็จะเข้าใจเรา เราก็จะสบายใจเช่นเราอาจเล่าให้นักเรียนฟังว่า "นักเรียนเมื่อวานนี้ลูกครูโดดเรียนไม่เข้าเรียน
ความประพฤติแย่ลงทุกวัน ครูละกลุ้มใจจังเลย หนูอย่าเอาอย่างนะ พ่อ-แม่ จะกลุ้มใจนะลูก"
พูดคุยยิ้มแย้ม พูดเล่นกับเขาบ้าง
38. สังเกต
ทดสอบความรู้พื้นฐานของนักเรียน
แล้วจึงจัดเตรียมการสอนให้นักเรียนรับได้เรียนรู้เรื่องเมื่อเราประจักษ์
เช่นนี้แล้ว แล้วลองปฏิบัติดูเราจะเป็นครูมืออาชีพได้
แหล่งที่มา : โดย ครูสุริยา แก้วลาย
โรงเรียนวัดบ้านพร้าวใน อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี
http://xn42c6ahl1b9a3e0a.blogspot.com/2012/07/blog-post_17.html#more