รูปภาพของวิไลพร อินทร์นอก
เหตุผล 8 ประการทางวิทยาศาสตร์ที่เราควรอ่านหนังสือเล่ม แทนการอ่านผ่านจอ
โดย วิไลพร อินทร์นอก - พฤหัสบดี, 5 เมษายน 2018, 12:03PM
 

  เหตุผล 8 ประการทางวิทยาศาสตร์ที่เราควรอ่านหนังสือเล่ม แทนการอ่านผ่านจอ  บทความโดย มิสวิไลพร ทวย

ถึงแม้ทุกวันนี้ผู้คนจะอ่าน e-book กันมากขึ้น แต่หนังสือ จริง ๆที่เป็นเล่มนั้นก็ยังไม่หายไปไหน ตามสถิตินั้น 88% ของคนอเมริกันที่อ่าน e-book ก็ยังคงอ่านหนังสือเล่มอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเพราะชอบกลิ่นหนังสือใหม่หรือว่าชอบที่สามารถอ่านได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกลัวแบตหมดและดูเหมือนว่าการอ่านหนังสือเล่มจะส่งผลดีต่อสุขภาพและสุขสภาวะของเราด้วยนะคะ
1.การอ่านเพิ่มพูนสติปัญญา
ดร.ซุยส์ (นักเขียนหนังสือเด็กชื่อดัง) เคยกล่าวว่า
ยิ่งคุณอ่านมาก คุณก็จะยิ่งรู้จักสิ่งต่าง ๆ มาก และยิ่งคุณเรียนรู้มากคุณก็จะยิ่งมีความก้าวหน้ามากตามไปด้วยการอ่านหนังสือดีๆนั้นเป็นการเปิดโลกกว้างแห่งสารพันความรู้ตั้งแต่คนเราอายุยังน้อยงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ณ
เมืองเบิร์คลีย์ พบว่าหนังสือเด็กนั้นทำให้เด็กรู้จักศัพท์ใหม่ ๆมากกว่ารายการโทรทัศน์ช่วงไพรม์ ไทม์ ถึง 50% และหนังสือเด็กยังมีคำศัพท์มากกว่าในบทสนทนาของผู้ที่จบปริญญาตรีแล้วด้วยซ้ำการได้เปิดรับศัพท์ใหม่ ๆ นั้นไม่เพียงแต่นำไปสู่คะแนนที่สูงขึ้นในวิชาการอ่านแต่ยังนำไปสู่คะแนนที่สูงขึ้นในการทดสอบสติปัญญาทั่วๆไป ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะการอ่านที่เข้มแข็งตั้งแต่เยาว์วัยนั้นยังอาจนำไปสู่ระดับสติปัญญาที่สูงกว่าเมื่อเป็นผู้ใหญ่ด้วยคำแนะนำถ้าคุณอยากอ่านเพิ่มพูนสติปัญญาแบบเต็มสูบให้คุณเลือกอ่านหนังสือเล่มแทนอ่านผ่านจอ เพราะมีผลวิจัยระบุว่าการอ่านผ่านจอนั้นอาจทำให้คุณอ่านช้าลงได้ระหว่าง20-30%
2.การอ่านสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของสมอ'
การอ่านหนังสือเป็นประจำไม่เพียงแต่จะทำให้คุณฉลาดเฉลียวขึ้นเท่านั้นแต่มันยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของสมองคุณได้ด้วย การอ่านเป็นประจำช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความจำของคุณด้วยการกระตุ้นการทำงานของสมองในแบบเดียวกับที่การวิ่งช่วยให้การทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือดของคุณดีขึ้นนั่นเอง งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ Neurology ระบุว่า ปกติแล้วเมื่อคนเราอายุมากขึ้น ระบบความจำและการทำงานของสมองก็มักเสื่อมลง แต่การอ่านหนังสือเป็นประจำอาจช่วยให้เกิดการเสื่อมช้าลงและทำให้สมองมีความว่องไวแหลมคมได้นานขึ้นค่ะนอกจานี้ TheHuffington Post ยังรายงานว่าการออกกำลังสมองเป็นประจำสามารถลดอัตราความเสื่อมของสมองได้ถึง32% ทีเดียว
3.การอ่านช่วยให้คุณมีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น
การหลุดเข้าไปในโลกของหนังสือดี ๆ สักเล่มจะทำให้คุณเข้าใจผู้อื่นได้มากขึ้น บทความวิชาการที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science กล่าวว่าการอ่านหนังสือโดยเฉพาะนิยายที่เกี่ยวกับอารมณ์ของผู้อื่นนั้นจะสามารถทำให้เราเข้าใจได้ว่าผู้อื่นคิดอะไรอยู่ เดวิด คัมเมอร์ คิดด์ และ เอ็มมานูเอล คาสตาโน รายงานว่าความสามารถเข้าใจจิตใจของผู้อื่นนั้นเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถมีความสัมพันธ์ทางสังคมอันซับซ้อนซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสังคมมนุษย์ได้
4.การพลิกเปลี่ยนหน้านั้นสามารถช่วยให้คุณเข้าใจในสิ่งที่คุณกำลังอ่านอยู่ได้ดีขึ้น
ถ้าจะพูดถึงความสามารถในการจำในสิ่งที่คุณกำลังอ่านอยู่ได้นั้น การอ่านหนังสือเล่มจะดีกว่าการอ่าน e-book ค่ะ นิตยสาร Wired รายงานว่า การที่นิ้วต่าง ๆ ของเราสามารถสัมผัสกระดาษได้นั้นมอบบริบทบางอย่างที่นำไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นและดีขึ้นในเรื่องที่คุณกำลังอ่านอยู่ดังนั้นถ้าคุณต้องการจะได้รับประโยชน์จากการอ่านอะไรดีๆให้คุณเลือกอ่านแบบเป็นเล่มแทนการอ่านผ่านหน้าจอนะคะ
5.การอ่านอาจช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์
การอ่านหนังสือนั้นทำให้สมองของคุณได้ทำงานซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก บุคคลที่ใช้สมองทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเช่น อ่านหนังสือ เล่นหมากรุก หรือแก้ปริศนาอักษรไขว้ จะมีโอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์น้อยกว่าผู้ที่ใช้เวลาพักผ่อนทำกิจกรรมที่เฉื่อยชากว่าถึง 2.5 เท่าอาการสมองเฉื่อยชานั้นที่จริงแล้วเป็นตัวบ่งชี้ระยะแรกของโรคอัลไซเมอร์นั่นเองค่ะ
6.การอ่านช่วยให้คุณรู้สึกได้ผ่อนคลาย
มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์รองรับอยู่นะคะว่าทำไมการได้นอนขดหรือเอกเขนกอ่านหนังสือดี ๆ ในตอนเย็นของวันที่เราทำงานหนักนั้นถึงฟังดูเป็นเรื่องที่น่าดึงดูดใจมีงานวิจัยระบุว่าการอ่านนั้นสามารถช่วยให้คุณคลายเครียดได้อย่างมากค่ะ โดยงานวิจัยของมหาวิทยาลัยซัสเซ็กซ์ในปี 2009 ระบุว่าการอ่านหนังสือนั้นสามารถลดความเครียดได้มากถึง 68% ทีเดียว เดวิด ลูอิส นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาการรับรู้ (cognitive neuropsychologist) ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ The Telegraph ว่า มันไม่จำเป็นหรอกครับว่าคุณอ่านหนังสืออะไร เพียงแค่คุณหลุดเข้าไปในหนังสือที่น่าสนใจมาก ๆ คุณก็สามารถจะหนีจากความกังวลและความเครียดในชีวิตประจำวันโดยการเข้าไปท่องเที่ยวในโลกแห่งจินตนาการของผู้แต่งได้แล้ว
7.การอ่านหนังสือก่อนนอนสามารถช่วยการนอนหลับของคุณได้

 โรงพยาบาลชื่อดัง มาโย คลีนิค กล่าวว่า การสร้างธรรมเนียมปฏิบัติก่อนนอนอย่างเช่นการอ่านหนังสือนั้นเป็นการส่งสัญญาณไปยังร่างกายของคุณว่าถึงเวลาที่จะพักผ่อนนอนหลับได้แล้ว การอ่านหนังสือเล่มช่วยให้คุณได้ผ่อนคลายมากกว่าการอ่านผ่านหน้าจอก่อนนอนค่ะ ความจริงแล้วหน้าจอของเครื่องอ่าน e-book และแท็บเล็ตอาจทำให้คุณนอนหลับได้ช้าลงและรบกวนคุณภาพการนอนของคุณด้วยซ้ำไปค่ะผลกระทบเหล่านี้ก็เกิดกับเด็กด้วยนะคะ งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Pediatrics ระบุว่า เด็กจำนวนมากถึง 54% นอนใกล้ ๆ จอขนาดเล็กซึ่งส่งผลให้มีปริมาณการนอนน้อยกว่าเด็กอื่นถึง 20 นาที
8.การอ่านนั้นเป็นนิสัยที่เด็กเรียนรู้จากพ่อแม่ได้
75% ของบรรดาพ่อแม่ล้วนต้องการให้ลูก ๆ ของตนเองอ่านหนังสือเพื่อความเพลิดเพลินให้มากขึ้น (อ่านอย่างอื่นนอกจากหนังสือเรียน) ข่าวดีคือคุณพ่อคุณแม่สามารถทำให้ลูกเป็นหนอนหนังสือตัวน้อยได้ด้วยการการออกเสียงดัง ๆ ที่บ้านค่ะ ในขณะที่พ่อแม่ส่วนใหญ่หยุดอ่านออกเสียงเมื่อลูก ๆ ของตนสามารถอ่านได้เอง ผลการวิจัยจากวารสาร Scholastic แนะนำว่าการอ่านออกเสียงให้ลูกฟังตลอดเวลาที่ลูกยังเรียนชั้นประถมนั้นสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ เป็นนักอ่านตัวยงได้ นั่นก็คือเป็นเด็กที่อ่านเพื่อความเพลิดเพลินบ่อยถึง 5-7 ครั้งต่อสัปดาห์ ในบรรดาเด็กที่อ่านหนังสือบ่อยที่อายุระหว่าง 6-10 ปีนั้นมีถึง 40% ที่พ่อแม่อ่านออกเสียงให้ฟังที่บ้าน แต่ในหมู่เด็กที่ไม่ค่อยอ่านหนังสือนั้นมีเพียง 13% เท่านั้นที่พ่อแม่อ่านออกเสียงให้ฟังที่บ้านนั่นหมายความว่าการที่พ่อแม่นั่งอ่านนิทานออกเสียงให้ลูก ๆ ฟังนั้นเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งที่จะทำให้เด็ก ๆ มีความสนใจที่จะอ่านหนังสือเป็นงานอดิเรกนั่นเอง

**หมายเหตุ** บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกที่ RealSimple.co
แหล่งที่มา : ดร ณัชร สยามวาลา Nash Siamwalla, PhDh / https://www.facebook.com/KhunkhaoWriter/posts/839999359397887
วันที่เข้าถึงข้อมูล : วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2561