รูปภาพของสิริ กิ่งกลางดอน
7 วิธีประหยัดไฟในช่วงหน้าร้อน
โดย สิริ กิ่งกลางดอน - ศุกร์, 20 เมษายน 2018, 09:33AM
 
7 วิธีประหยัดไฟในช่วงหน้าร้อน

หน้าร้อนปีนี้ อากาศร้อนจัดแล้วจะทำอย่างไรให้อยู่อย่างสบายแต่ประหยัดไฟ และยังสบายกระเป๋าได้อีกด้วย มาช่วยชาติประหยัดพลังงาน แล้วยังช่วยคืนสมดุลให้กับธรรมชาติ กับ 7 วิธีประหยัดไฟหน้าร้อน

1. เครื่องปรับอากาศ
ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้น 2 – 4 องศา และเปิดพัดลมควบคู่กันในเวลากลางคืน เช่น ปกติเปิด 24 องศา ให้เพิ่มเป็น 26-28 และตั้งเวลาปิดแอร์ ตอนตี 5 พัดลมก็จะช่วยให้ความเย็นคงอยู่ทำให้หลับสบายจนถึงเวลาตื่นนอนตอนเช้า

2. ปิดไฟเมื่อไม่ใช้งาน
เปิดไฟเฉพาะห้องที่อยู่อาศัย และสามารถเปิดไฟดวงเว้นดวงหากไม่ได้ทำกิจกรรมที่ต้องใช้สายตามาก สำรวจดวงไฟทุกครั้งก่อนออกจากบ้านว่าปิดไฟหมดแล้วหรือยัง และเปลี่ยนหลอดไฟเป็นหลอด LED ที่ประหยัดพลังงานได้มากกว่า 80%

3. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า
ช่วงเวลาที่ไม่อยู่บ้าน หรือช่วงเวลานอนหลับ ที่ไม่ต้องใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ พัดลม ฯลฯ ให้ถอดปลั๊กออกจากเต้าเสียบ นอกจากประหยัดไฟได้แล้ว ยังช่วยให้ปลอดภัย เวลาฝนตกฟ้าผ่าในตอนกลางคืนอีกด้วย

4. รีดเสื้อผ้าอาทิตย์ละครั้ง
การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อนอย่างเตารีด จะกินไฟช่วงเวลาที่ทำให้เตารีดร้อน ดังนั้น การรีดผ้าครั้งละมากๆ จะช่วยประหยัดไฟ หากรีดผ้าทุกวันวันละชุด จะทำให้ค่าไฟเพิ่มเป็นเท่าตัว

5. ปลูกต้นไม้กรองความร้อนเข้าบ้าน
หากบ้านมีชั้นดาดฟ้า สามารถปลูกต้นไม้ใหญ่ คลุมพื้นเพื่อให้ดูดซับความร้อนก่อนลงมาสู่ห้อง หรือ ปลูกต้นไม้ใหญ่บังกำแพงบ้านฝั่งตะวันตกและตะวันออกเพื่อกันความร้อนส่งเข้าบ้าน นอกจากช่วยให้ต้นไม้เติบโตได้งามโดยได้รับแสงแดดเต็มที่แล้วยังช่วยให้บ้านร่มรื่นอีกด้วย

6. ทำความสะอาดตู้เย็น
เคลียอาหารเก่าที่เก็บไว้นาน หรืออาหารที่หมดอายุ ให้เหลือแต่อาหารที่ยังรับประทานได้อยู่ เพราะการแช่อาหารไว้จำนวนมากจะทำให้เปลืองไฟ อีกทั้งควรละลายน้ำแข็งในช่องฟรีส ไม่ให้น้ำแข็งเกาะหนา และไม่ควรนำของร้อนแช่ตู้เย็น

7. วางตู้เก็บของติดกำแพง
กำแพงบ้านด้านที่รับแดดมากอย่างทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก สามารถนำตู้หรือชั้นวางของมามาตั้งให้ชิดผนัง เพื่อเป็นฉนวนกันร้อน จะทำให้เหมือนมีผนังหนาขึ้นอีกชั้น ช่วยลดความร้อนที่ผ่านผนังเข้ามาได้ และยังทำให้ห้องเย็นขึ้น โดยไม่ต้องเปิดแอร์ในอุณหภูมิต่ำให้เปลืองไฟอีกด้วย

ที่มาข้อมูล : สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน