หมอชวนกิน “ไข่มดแดง” โปรตีนสูง
แต่ไขมัน-แคลอรีต่ำ
“หมอพรเทพ” ชวนกินไข่มดแดง ชี้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
เหตุโปรตีนเพียบ แต่ไขมันและแคลอรีน้อย แถมอยู่ในช่วงฤดูกาลไข่มดแดง
แนะปรุงสุกก่อนกินป้องกันติดเชื้อโรค ระบุควรกินคู่ผักพื้นบ้าน
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย
เปิดเผยว่า ช่วงนี้เป็นฤดูกาลที่เมนูไข่มดแดงกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
เพราะหาซื้อได้ตามท้องตลาด และบางพื้นที่ยังสามารถสอยไข่มดแดงมาปรุงประกอบได้เอง
ทั้งเมนูแกงผักหวานไข่มดแดง ต้มยำปลาช่อนไข่มดแดง แกงขี้เหล็กไข่มดแดง ห่อหมกไข่มดแดง
ไข่เจียวไข่มดแดง หรือยำไข่มดแดง ซึ่งไข่มดแดงถือเป็นเมนูที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพราะมีโปรตีนสูง
โดยในไข่มดแดง 100 กรัม หรือประมาณ 6 ช้อนกินข้าว
จะมีโปรตีนสูงถึง 8.2 กรัม
แถมไข่มดแดงยังมีไขมันและแคลอรีน้อยกว่าเมื่อเทียบกับไข่ไก่ เพราะไข่มดแดงมีไขมันเพียง
2.6 กรัม ในขณะที่ไข่ไก่มีไขมันมากถึง 11.7 กรัม สำหรับปริมาณกิโลแคลอรีในไข่มดแดงให้พลังงาน 86 กิโลแคลอรี ในขณะที่ไข่ไก่ให้พลังงานถึง 155 กิโลแคลอรี
เมื่อเทียบคุณค่าทางโภชนาการในปริมาณ 100 กรัมเท่ากัน
นพ.พรเทพ กล่าวอีกว่า นอกจากไข่มดแดงจะเป็นเมนูที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเพราะมีคุณค่าทางโภชนาการแล้ว
วิธีการนำไข่มดแดงมาปรุงประกอบให้สะอาด ปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญ
โดยต้องล้างก่อนนำมาปรุงประกอบอาหาร และต้มหรือลวกให้สุกทุกครั้ง ไม่ควรกินแบบสุกๆ
ดิบๆ เพราะอาจปนเปื้อนเชื้อโรค สำหรับวัตถุดิบที่นิยมนำมาปรุงประกอบกับไข่มดแดง
มักจะเป็นผักพื้นบ้านจะต้องล้างทำความสะอาด เพื่อลดการปนเปื้อนจากเชื้อโรคและพยาธิ
สารพิษหรือยาฆ่าแมลงเช่นเดียวกัน โดยการล้างอย่างน้อย 3 น้ำ คือ 1.ล้างด้วยน้ำสะอาดหลายๆ
ครั้งหรือล้างด้วยการเปิดน้ำไหลผ่านผักสดอย่างน้อย 2 นาที 2.ใช้สารละลายอื่นๆ ในการล้างหรือแช่นานประมาณ 2-10 นาที
อาทิ น้ำเกลือ หรือใช้น้ำส้มสายชู หรือใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต (เบคกิงโซดาหรือผงฟู)
และ 3.นำมาล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีสารพิษตกค้างและไม่ควรใช้อุปกรณ์ประกอบอาหาร
เช่น เขียงหรือมีดร่วมกันระหว่างอาหารสุกและอาหารดิบ
“การกินอาหารที่ปรุงสุกใหม่จะมีความสะอาด ปลอดภัย
แต่ถ้าต้องเก็บอาหารไว้รับประทานมื้อต่อไป
ต้องใส่กล่องหรือเก็บในถุงให้มิดชิดและไม่ควรทิ้งไว้เกิน 2-4 ชั่วโมง หากนานกว่านั้นต้องเก็บไว้ในตู้เย็น และก่อนนำมารับประทานต้องอุ่นให้ร้อนอย่างทั่วถึงนาน
5-10 นาที
สำหรับอาหารประเภทยำไม่ควรเก็บไว้ค้างมื้อโดยเด็ดขาด
เพราะบูดเสียได้ง่ายทำให้ผู้บริโภคเสี่ยงต่อการปวดท้องและโรคอุจจาระร่วงได้”
อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
แหล่งที่มา http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/general_knowledge/17861/
ผู้สรุป
มิสวรนุช แนบพุดซา ตำแหน่ง บุคลากรทางการศึกษา
วันที่ 3 เมษายน
2557