เราทุกคนทราบดีว่า
สารอาหารที่เหมาะสมจะช่วยสร้างร่างกายที่แข็งแรงรวมไปถึงฟันและเหงือก
แต่ไม่ใช่แค่น้ำตาล หรือของหวานที่ไม่ดีกับฟัน
อาหารที่มีประโยชน์บางอย่างก็อาจทำให้ฟันผุกร่อนได้
ในขณะที่อาหารบางประเภทจะช่วยป้องกันโรคเหงือกและฟัน
หรือแม้แต่ทำให้ลมหายใจหอมสดชื่นได้ด้วยซ้ำ
1.กินคาร์โบไฮเดรตในมื้ออาหารเท่านั้น
ขนมปังโฮลวีตหรือมันฝรั่งทอดกรอบก็อาจไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าไหร่
อาหารจำพวกแป้งมักจะเกาะติดอยู่บริเวณช่องว่างระหว่างฟันหรือบริเวณเหงือก จากนั้น
ก็จะแตกตัวเป็นน้ำตาล กลายเป็นสารอาหารให้แบคทีเรีย
และทำให้เกิดคราบซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคเหงือกและอาการฟันผุ American Dietetic Association จึงแนะนำให้คุณกินคาร์โบไฮเดรตในมื้ออาหารใหญ่
ๆ ดีกว่า เพราะในเวลานั้นเราจะหลั่งน้ำลายออกมามาก เศษอาหาร
จึงถูกชะล้างไปโดยง่ายดาย
2.กินวิตามินซีให้เพียงพอ
วิตามินซีเปรียบเสมือนปูนที่เชื่อมเซลล์ต่าง
ๆ เข้าด้วยกัน มันจำเป็นต่อผิวเช่นเดียวกับเนื้อเยื่อของเหงือก จากการศึกษาของ State University of New York University เปิดเผยว่า คนที่กินวิตามินซีน้อยกว่า 60 มิลลิกรัมต่อวัน
จะมีโอกาสเป็นโรคเหงือกสูงกว่าคนที่กิน 180 มิลลิกรัม
หรือมากกว่าถึง 25%
Try : พริกหวาน บร็อกโคลี่ สตรอวเบอร์รี่ มะละกอ กะหล่ำปลีต้ม ผักโขม ส้ม กีวี
ผักคะน้า แคนตาลูป หน่อไม้ฝรั่ง
3.ดื่มชา
ทั้งชาดำและชาขาวมีสารโพลีฟีนอล
ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากพืชที่ช่วยป้องกันไม่ให้คราบหินปูนมาเกาะที่ฟัน
จึงช่วยลดโอกาสเกิดฟันผุหรือโรคเหงือก นอกจากนี้
มันยังสามารถลดกลิ่นปากด้วยคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่น
แถมชาส่วนใหญ่ยังมีฟลูออไรด์ที่ได้มาจากใบชา จึงช่วยปกป้องเคลือบฟันด้วยเหมือนกัน
4.กินแคลเซียม 800 มิลลิกรัมต่อวัน
ประมาณ
99% ของแคลเซียมในร่างกายจะอยู่ในกระดูกและฟัน
โดยแคลเซียมจะช่วยให้กระดูกอัลวีโอลาร์ในชากรรไกรแข็งแรง
ซึ่งจะทำให้ฟันติดตรึงอยู่กับที่เป็นระดับและช่วยลดโอกาสเป็นโรคเหงือก
ปริมาณที่แนะนำคือ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
สำหรับผู้หญิงอายุต่ำกว่า 50 ปีและ 1,200 มิลลิกรัม สำหรับคนที่อายุมากกว่า 50 ปี
Try : โยเกิร์ต นม ชีส ปลาแชลมอน ข้าวโอ๊ต เต้าหู้ มัสตาร์ด อัลมอนด์
ขนมปังโฮลวีต
5.สิ่งเล็ก ๆ ที่ช่วยคุณได้
ไซลิทอล-สารแทนน้ำตาลที่พบได้ทั่วไปในหมากฝรั่ง
มีการศึกษามากมายที่บ่งบอกว่ามันช่วยป้องกันฟันผุแครนเบอร์รี่และเห็ดหอม-อาหารทั้งสองอย่างมีสารเคมีที่ช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเกาะติดกับฟัน
ผัก อย่างเช่น แครอต-จะช่วยขจัดเศษอาหารและคราบหินปูนออกมา
Tip : ใช้หลอดกันฟันผุ น้ำหวานมากมายมีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งอาจกัดกร่อนเคลือบฟัน
การใช้หลอดจะช่วยให้น้ำเหล่านี้สัมผัสกับฟันน้อยที่สุด!
Did You
know?
หากคุณมีแผลในปากหรืออาการร้อนในที่ไม่หายใน
1-2 สัปดาห์ ควรจะไปพบแพทย์เพื่อตรวจหามะเร็งในช่องปาก ซึ่ง National
Cancer Institute ชี้ว่ามีคนเป็นโรคนี้กว่า 30,000 คนต่อปี และมีอัตรารอดชีวิตเพียง 35% เองนะ