รูปภาพของสมประสงค์ เบือนขุนทด
ธรรมะเยียวยาชีวิต ภิกษุณีเพมา โชดรอน
โดย สมประสงค์ เบือนขุนทด - ศุกร์, 11 เมษายน 2014, 02:03PM
 


ธรรมะเยียวยาชีวิต ภิกษุณีเพมา โชดรอน

       
                                                     บทความโดย  มิสสมประสงค์  เบือนขุนทด

          ท่านผู้อ่านครับ เวลาขับรถ เราต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุและต้องรัดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้เพื่อความปลอดภัยของชีวิต ขณะที่เวลาดำเนินชีวิต เราก็ต้องระมัดระวังเหมือนกัน คือ ต้องมีสติไว้ ต้องเจริญสติบ่อยๆ เพราะสติเปรียบเหมือนเข็มขัดนิรภัยของชีวิต เวลาเราขับรถด้วยความระมัดระวังแต่คนอื่นขับด้วยความประมาทเราก็อาจจะตกอยู่ในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้เช่นกรณีรถคันหน้าขับมาด้วยความเร็วปานกลางแล้วเบรกกะทันหันเมื่อเห็นสุนัขกำลังข้ามถนนขณะที่เราขับตามมาและเบรกไม่ทัน จึงชนท้ายเข้าอย่างจัง อันนี้เป็นภัยในถนน ที่หลีกเลี่ยงได้ยาก บางครั้งเราดำเนินชีวิตอยู่ดีๆก็มีปัญหาจากคนอื่นสร้างขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง สามีภรรยา หรือคนที่เกี่ยวข้องกันเชิงธุรกิจก็ดี เช่น กรณีค้ำประกันให้เพื่อนกูเงินมาใช้ แล้วเพื่อนไม่มีเงินคืน เราก็ต้องรับผิดใช้หนี้แทนในฐานะผู้ค้ำประกัน หรืออยู่ๆเกิดอุบัติเหตุในการเดินทางโดยรถ เรือ เครื่องบินที่เราคาดไม่ถึง หรือน้ำท่วมใหญ่บ้านได้รับความเสียหายอันนี้เป็นภัยในสังสารวัฏเวลาเราเกิดเป็นคนก็หลีกเลี่ยงเหตุการณ์แบบได้ยาก                                ชีวิตจึงต้องการธรรมะสำหรับเยียวยาตัวเอง เรื่องชีวิต ความคิด จิตใจ อารมณ์ความรู้สึก เป็นเรื่องของใครของมัน องรับผิดชอบกันเอง เพราะไม่มีใครช่วยเราได้ คนอื่นช่วยได้แค่แนะนำ ให้กำลังใจเท่านั้น แต่เราต้องฝึกทำใจเอาเอง การฝึกจิตภาวนาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยเยียวยาจิตของเราให้เป็นปกติ ผู้เขียนขอกล่าวถึงชีวิตของภิกษุณี เพมา โชดรอน ซึ่งจะเป็นตัวอย่างชีวิตของสุภาพสตรีที่เอาตัวรอดจากภัยในสังสารวัฏโดยใช้ธรรมะเยียวยาชีวิตของตัวเองได้อย่างดีที่สุดคนหนึ่งนอกจากนั้นภิกษุณีเพมายังสามารถช่วยผู้นำทางจิตวิญญาณในโลกตะวันตกที่โดดเด่นคนหนึ่งของยุคนี้ จึงน่าจะนำมาเป็นตัวอย่างของสตรีชาวพุทธทั่วโลกได้ภิกษุณีเพมาเป็นชาวอเมริกัน หลังจากนั้นเธอได้เป็นครูสอนนักเรียนดับประถม ที่แคลิฟอร์นียและแม็กซิโก เธอเคยแต่งงานสองครั้ง มีลูกสองคน เธอเริ่มศึกษาธรรมกับท่าน ลามะจิ๊กมี่ รินโปเช ที่เทือกเขาแอลป์ ในฝรั่งเศส ฉันมาบวชเพราะฉันเกลียดสามีของฉัน ตอนนั้นฉัน อายุ 35 ปี หลังจากการแต่งงานครั้งที่สองวันหนึ่งในช่วงบ่ายฉันนั่งจิบน้ำชาอุ่นๆที่ชานเรือน สามีขับรถกลับมาที่บ้านและตรงเข้ามาหาฉัน พร้อมกับบอกว่า เขาจะขอหย่าเพื่อจะไปแต่งงานใหม่ ขณะนั้นฉันโกรธสุดขีด หยิบก้อนหินขึ้นมาก้อนหนึ่ง แล้วขว้างไปที่เขา แทนคำ พูดที่ไม่สามารถกล่าวออกมาในตอนนั้นแล้วชีวิตแต่งงานครั่งที่สองก็จบลง

 

แหล่งที่มา : แพทย์พงษ์  วรพงษ์พิเชษฐ. ธรรมลีลาชีวิตดี สุขภาพดี,
                          ปีที่ 14/157 มกราคม 2557