ธรรมะเยียวยาชีวิต ภิกษุณีเพมา โชดรอน
บทความโดย
มิสสมประสงค์ เบือนขุนทด
ท่านผู้อ่านครับ
เวลาขับรถ เราต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุและต้องรัดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้เพื่อความปลอดภัยของชีวิต ขณะที่เวลาดำเนินชีวิต
เราก็ต้องระมัดระวังเหมือนกัน คือ ต้องมีสติไว้ ต้องเจริญสติบ่อยๆ
เพราะสติเปรียบเหมือนเข็มขัดนิรภัยของชีวิต เวลาเราขับรถด้วยความระมัดระวังแต่คนอื่นขับด้วยความประมาทเราก็อาจจะตกอยู่ในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้เช่นกรณีรถคันหน้าขับมาด้วยความเร็วปานกลางแล้วเบรกกะทันหันเมื่อเห็นสุนัขกำลังข้ามถนนขณะที่เราขับตามมาและเบรกไม่ทัน จึงชนท้ายเข้าอย่างจัง อันนี้เป็นภัยในถนน
ที่หลีกเลี่ยงได้ยาก บางครั้งเราดำเนินชีวิตอยู่ดีๆก็มีปัญหาจากคนอื่นสร้างขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง สามีภรรยา
หรือคนที่เกี่ยวข้องกันเชิงธุรกิจก็ดี เช่น กรณีค้ำประกันให้เพื่อนกูเงินมาใช้
แล้วเพื่อนไม่มีเงินคืน เราก็ต้องรับผิดใช้หนี้แทนในฐานะผู้ค้ำประกัน หรืออยู่ๆเกิดอุบัติเหตุในการเดินทางโดยรถ
เรือ เครื่องบินที่เราคาดไม่ถึง หรือน้ำท่วมใหญ่บ้านได้รับความเสียหายอันนี้เป็นภัยในสังสารวัฏเวลาเราเกิดเป็นคนก็หลีกเลี่ยงเหตุการณ์แบบได้ยาก ชีวิตจึงต้องการธรรมะสำหรับเยียวยาตัวเอง
เรื่องชีวิต ความคิด จิตใจ อารมณ์ความรู้สึก เป็นเรื่องของใครของมัน
องรับผิดชอบกันเอง เพราะไม่มีใครช่วยเราได้ คนอื่นช่วยได้แค่แนะนำ
ให้กำลังใจเท่านั้น แต่เราต้องฝึกทำใจเอาเอง การฝึกจิตภาวนาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
ซึ่งจะช่วยเยียวยาจิตของเราให้เป็นปกติ ผู้เขียนขอกล่าวถึงชีวิตของภิกษุณี เพมา
โชดรอน ซึ่งจะเป็นตัวอย่างชีวิตของสุภาพสตรีที่เอาตัวรอดจากภัยในสังสารวัฏโดยใช้ธรรมะเยียวยาชีวิตของตัวเองได้อย่างดีที่สุดคนหนึ่งนอกจากนั้นภิกษุณีเพมายังสามารถช่วยผู้นำทางจิตวิญญาณในโลกตะวันตกที่โดดเด่นคนหนึ่งของยุคนี้
จึงน่าจะนำมาเป็นตัวอย่างของสตรีชาวพุทธทั่วโลกได้ภิกษุณีเพมาเป็นชาวอเมริกัน หลังจากนั้นเธอได้เป็นครูสอนนักเรียนดับประถม
ที่แคลิฟอร์นียและแม็กซิโก เธอเคยแต่งงานสองครั้ง มีลูกสองคน
เธอเริ่มศึกษาธรรมกับท่าน ลามะจิ๊กมี่ รินโปเช ที่เทือกเขาแอลป์ ในฝรั่งเศส ฉันมาบวชเพราะฉันเกลียดสามีของฉัน
ตอนนั้นฉัน อายุ 35 ปี หลังจากการแต่งงานครั้งที่สองวันหนึ่งในช่วงบ่ายฉันนั่งจิบน้ำชาอุ่นๆที่ชานเรือน
สามีขับรถกลับมาที่บ้านและตรงเข้ามาหาฉัน พร้อมกับบอกว่า
เขาจะขอหย่าเพื่อจะไปแต่งงานใหม่ ขณะนั้นฉันโกรธสุดขีด หยิบก้อนหินขึ้นมาก้อนหนึ่ง
แล้วขว้างไปที่เขา แทนคำ
พูดที่ไม่สามารถกล่าวออกมาในตอนนั้นแล้วชีวิตแต่งงานครั่งที่สองก็จบลง
แหล่งที่มา :
แพทย์พงษ์ วรพงษ์พิเชษฐ.
ธรรมลีลาชีวิตดี สุขภาพดี,
ปีที่ 14/157
มกราคม 2557