เรื่อง “การใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์”
พลังแห่งความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของมนุษย์มีอานุภาพสามารถเนรมิตสิ่งต่าง
ๆ ให้โลกงดงามมากมาย
ชีวภาพแห่งมนุษย์มีความหลากหลายแตกต่างแต่เต็มไปด้วยความสมดุล พลังแห่งการเรียนรู้อยู่รอบตัวเรา อยู่ที่การรู้จักสร้างสรรค์ และเก็บเกี่ยวมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร
แรงดลใจมีความสำคัญต่อการสร้างสรรค์เป็นอย่างมาก และเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมใหม่
ๆ ที่เกิดขึ้นในโลก องค์ประกอบสำคัญของการพัฒนาต่าง ๆ ที่มีคุณภาพการดลใจจึงสำคัญ แต่การดลใจจะเกิดขึ้นได้อย่างไรบ้าง อะไรทำให้เกิดแรงดลใจ มาจากองค์ประกอบต่าง ๆ ดังนี้
1.แรงดลใจจากจินตนาการและความฝัน
แม้มันจะดูแล้วเป็นไปไม่ได้หรือเป็นเรื่องยาก
แต่สิ่งที่น่าทึ่งมักเกิดขึ้นได้เสมอจากความฝันและจินตนาการ การดลใจเร่งเร้าให้เรามุ่งมั่น ความเชื่อ
คือพลังขับเคลื่อนให้สำเร็จอยู่ที่พลังแห่งความเชื่อของแต่ละคนว่าจะสุดปลายฝันได้ขนาดไหน
และคนที่สามารรถก้าวข้ามความเป็นไปไม่ได้สู่ความเป็นไปได้นั้นก็อยู่ที่ความเชื่อนั่นเอง
2.แรงดลใจจากอารมณ์ ความรู้สึก และสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความหวัง
ความสุข ความทุกข์ ก็สามารถก่อให้เกิดพลังแห่งการดลใจได้ สถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบ่มเพาะให้เกิดความรู้สึกต่าง
ๆ ทั้งลบและบวก ย่อมีอิทธิพลที่ทำให้เราเกิดแรงดลใจไปในลักษณะที่แตกต่างกันไป สำหรับครู
อาจารย์ นอกจากจะต้องมีแรงดลใจในการพัฒนาการเรียนการสอนเพื่อลูกศิษย์ที่เรารักแล้วนั้น
การสอนอย่างสร้างสรรค์จะต้องทำให้นักเรียนเกิดแรงดลใจที่ดี เพื่อให้เขามีทัศนคติต่อการเรียนที่ดี บ่มเพาะให้เข้ามีแรงดลใจ
แม้จะอยู่ในสถานการณ์ทางอารมณ์อย่างไรก็ตาม แรงดลใจให้กระทำเรื่องดีก็จะเกิดขึ้นได้เสมอ
3.แรงดลใจจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
ความงดงามลงตัวกลมกล่อมจากธรรมชาติ
สิ่งที่พระเจ้าสร้างสรรค์อย่างวิจิตร
ย่อมมีสาระสำคัญแห่งการดลใจมากมายเหลือคณานับ
เหตุแห่งการดลใจอันแตกต่างจากแรงบันดาบใจคือการได้มาซึ่งผลงานที่เป็นแบบฉบับแห่งอัตลักษณ์ มิใช่แค่การลอกเลียนหรือบันดาลใจให้กระทำ
การดลใจจากสภาพแวดล้อมอาจเกิดจากการมองทะลุเห็นแก่ความงามของธรรมชาติ นำมาสู่การประยุกต์ใช้ในลัษณะเฉพาะของตนเอง
โดยแต่ละคนตีความแตกต่างกันซึ่งขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละสายตาม ธรรมชาติก็มีหลากหลายทั้งพืช สัตว์
แร่ธาตุ น้ำต่าง ๆ ก็เป็นเหตุแห่งแรงบันดาลใจของมนุษย์
คุณครูสามารถให้นักเรียนทดลองการดลใจในการสร้างสรรค์จากธรรมชาติได้ในห้องเรียน ด้วยการบันทึก
การวาดภาพ
แล้วให้ลองคั้นแก่นแท้ออกมาเป็นไอเดียสร้างทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียนได้อย่างสม่ำเสมอ เราอาจจะได้ผลงานจากเด็ก ๆ เยาวชนที่น่าทึ่งก็เป็นไปได้
4.แรงดลใจจากสิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์
บางครั้งพลังแห่งการดลใจที่สำคัญเกิดจากความงดงาม และสุนทรียภาพของผลงานสร้างสรรค์ของมนุษย์ มีจำนวนมากมายหลากหลาย ทั้งศิลปะ
วรรณกรรม ดนตรี ภาพยนตร์
สถาปัตยกรรม หัตถกรรม มัณฑนศิลป์
นวัตกรรม เทคโนโลยี เป็นต้น
สิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ไว้ทั้งในอดีต
ปัจจุบัน และอนาคต ผู้สร้างสรรค์ใหม่มีเหตุให้ดลใจมากมาย และบางครั้งเกิดการต่อยอดจากความคิดเดิมไปมาก ก่อเกิดนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง และหลายครั้งผลงานของคนรุ่นก่อนกระทบสู่พลังคนรุ่นใหม่
วัฒนธรรมดีงามจารีตประเพณีก็มักจะมีบทบาทต่อความคิดการดลใจสู่คนรุ่นหลังมากมาย
ฉะนั้นการศึกษาผลงานหลักคิดประวัติศาสตร์ของคนทั้งในอดีตและปัจจุบันคือการเรียนรู้ประสบการณ์เชิงสร้างสรรค์ที่งดงามที่สุด
5.แรงดลใจจากความศรัทธา ความเชื่อ จากฟ้า
สวรรค์ ศาสนา และพระเจ้า
แรงดับดาลใจสุดท้ายเกิดจากพลังแห่งความคิดบวก ความดี
ความเชื่อทางศาสนา
และผู้อยู่เบื้องบน
พระเจ้าคือแรงดลใจของผมที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอ และมีบทบาทมีอิทธิพลมากที่สุดในชีวิต ส่งผลต่อความคิดทัศนคติที่มีต่อโลก ต่อสังคม
และต่อตัวเอง
สำหรับผมการดลใจจากเบื้อบนจากพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สำคัญต่อการสร้างสรรค์ผลงานอย่างมาก เพราะพระเจ้าคือพระผู้สร้างสรรพสิ่ง ความศรัทธาคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เมื่อเรามีอะไรที่ศรัทธามาก ๆ เราอาจได้แรงดลใจที่เกินขอบเขต เกินกำลัง
และพลังเหนือสิ่งใด และยิ่งเราเป็นครูผู้สร้างแรงบัลดาลใจให้กับศิษย์ การดลใจจากพลังศรัทธานี้อาจกลายเป็นพลังสร้างสรรค์ของเยาวชนที่ยิ่งใหญ่ อันเป็นอนาคตของชาติ
การสร้างคนให้มีทัศนคติที่ดีจากความศรัทธาคือบทบาทหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่สุดของครูอย่างคุณและผมนะครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เอกพงษ์
ตรีตรง. แรงดลใจ. คณะมัณทนศิลป์
มหาวิทยาลัยศิลปากร.