รูปภาพของทิพย์วลัย ใหม่วงส์
ธรรมะสอนใจ “ความต่างของ บุญ กับ กุศล
โดย ทิพย์วลัย ใหม่วงส์ - พฤหัสบดี, 10 มีนาคม 2016, 03:35PM
 

เมื่อใดมีการพิจารณากันให้ละเอียดถี่ถ้วน เมื่อนั้นจะพบความแตกต่างระหว่าง สิ่งที่เรียกกันว่า "บุญ" กับ สิ่งที่เรียกว่า "กุศล" บ้างไม่มากก็น้อย แล้วแต่ความสามารถในการพินิจพิจารณา แต่ว่าโดยเนื้อแท้แล้ว บุญ กับ กุศล ควรจะเป็นคนละอย่างหรือเรียกได้ว่า ตรงกันข้าม ตามความหมายของรูปศัพท์แห่งคำสองคำนี้ทีเดียว

 

บุญ 

เป็นสิ่งที่ทำให้ ฟูใจ พอใจ ชอบใจ เช่น ทำบุญให้ทานหรือรักษาศีลก็ตาม แล้วก็ฟูใจ อิ่มเอิบ หรือ แม้ที่สุดแต่รู้สึกว่าตัวได้ทำสิ่งที่ทำยาก ในกรณีที่ทำบุญเอาหน้าเอาเกียรติอย่างนี้ ก็ได้ชื่อว่าได้บุญเหมือนกัน แม้จะเป็นบุญชนิดที่ไม่สู้จะแพ้ หรือแม้ในกรณีที่ทำบุญด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่อเอาบุญกันจริงๆก็ยังอดฟูใจไม่ได้ว่า ตนจะได้เกิดในสุคติโลกสวรรค์ มีความปรารถนาอย่างนั้น อย่างนี้ ในภพนั้น ภพนี้ อันเป็น ภวตัณหา นำไปสู่การเกิดในภพใหม่ เพื่อเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ตามแต่ตนจะปรารถนา ไม่ออกไปจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฎสงสารได้ แม้จะไปเกิดในโลกที่เป็นสุคติอย่างไรก็ตาม ฉะนั้นความหมายของคำว่า บุญ จึงหมายถึง สิ่งที่ทำให้ ฟูใจ และ เวียนไปเพื่อความเกิดอีกไม่มีวันที่สิ้นสุดลงได้

 

กุศล 

เป็นสิ่งที่ทำหน้าที่ แผ้วถาง สิ่งกีดขวาง ผูกรัด หรือ รกรุงรัง ไม่ข้องแวะ กับความฟูใจ หรือ พอใจ เช่นนั้น แต่มีความมุ่งหมายจะกำจัดเสียซึ่งสิ่งต่างๆอันเป็นเหตุให้พัวพันอยู่ในกิเลสตัณหา อันเป็นเครื่องนำให้เกิดแล้วเกิดอีก และมีจุดมุ่งหมายกวาดล้างสิ่งเหล่านั้นออกไปจากตัว ในเมื่อบุญต้องการโอบรัดเข้ามาหาตัวให้มีเป็นของของตัวมากขึ้น ในเมื่อฝ่ายที่ถือข้างบุญยึดถืออะไรเอาไว้มากๆ และพอใจดีใจนั้น ฝ่ายที่ถือข้างกุศลก็เห็นว่าการทำอย่างนั้นเป็นความโง่เขลาขนาดเข้าไปกอดรัดงูเห่าทีเดียว ฝ่ายข้างกุศลหรือที่เรียกว่าฉลาดนั้น ต้องการจะปล่อยวาง หรือผ่านพ้นไป ทั้งช่วยผู้อื่นให้ปล่อยวางหรือผ่านพ้นไปด้วยกัน ฝ่ายข้างกุศลจึงถือว่าฝ่ายข้างบุญนั้นยังเป็นความมืดบอดอยู่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สรุป
ตามตัวอย่างที่เป็นอยู่ในเรื่องจริง ที่เกี่ยวกับการกระทำของพวกเราเองดังที่กล่าวมาแล้วนี้ ทำให้เราเห็นได้ว่าการที่เราเผลอ หรือถึงกับหลงเอา บุญ กับ กุศล มาปนเปเป็นอันเดียวกันนั้น ได้ทำให้เกิดความสับสนอลเวงเพียงไร และทำให้คว้าไม่ถูกตัวสิ่งที่เราต้องการ จนเกิดความยุ่งยากสับสนอลหม่านในวงพวกพุทธบริษัทเองเพียงไร ถ้าเรายังขืนทำสุ่มสี่สุ่มห้า เอาของสองอย่างนี้เป็นของอันเดียวกันอย่างที่เรียกกันพล่อยๆติดปากชาวบ้านว่า
"บุญกุศล" เช่นนี้อยู่สืบไปแล้ว เราก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ อันเกี่ยวกับการทำบุญกุศลนี้ ให้ลุล่วงไปด้วยความดีจนตลอดกัลปาวสานก็ได้

ถ้ากล่าวให้ชัดๆสั้นๆ
"บุญเป็นเครื่องหุ้มห่อ กีดกั้นบาปไม่ให้งอกงามหรือปรากฏ หมดอำนาจบุญเมื่อใด บาปก็จะโผล่ออกมา และ

 

งอกงามสืบไปอีก"
"ส่วนกุศลนั้น เป็นเครื่องตัดรากเหง้าของบาป อยู่เรื่อยไปจนมันเหี่ยวแห้ง สูญสิ้นไม่มีเหลือ"

ความต่างกันอย่างยิ่งย่อมมีอยู่ดังกล่าวนี้ คนปรารถนาบุญจงได้บุญ คนปรารถนากุศลก็จงได้กุศล และปลอดภัย ตามความปรารถนา แล้วแต่ใครจะมองเห็น และจะสมัครใจ จะปรารถนาอย่างไร ได้เช่นนี้ เมื่อใดจึงจะชื่อว่า พวกเรารู้จักบุญกุศลกันจริงๆ รู้ทิศทางแห่งการก้าวหน้า และทิศทางที่วกเวียน ว่าเป็นของที่ไม่อาจจะเอามาเป็นอันเดียวกัน ได้เลย แม้จะเรียกว่า "ทาง" เหมือนกันทั้งสองฝ่าย

 

 

แหล่งที่มา : http://www.inwza.com/2013/09/blog-post_6862.html

ผู้สรุป มิสทิพย์วลัย  ใหม่วงส์  ตำแหน่ง บุคลากรทางการศึกษา

วันที่ 11 มีนาคม 2559