ศิลปะการทำงานให้มีความสุข
หัวข้อทำงานอย่างไรให้มีความสุข
ซึ่งสามารถแบ่งได้ดังนี้
1.
ทำงานที่ใจรัก เพราะถ้าเราทำงานที่ใจรักทุก ๆ วันจะเป็นวันแห่งความสุข เราไม่ต้องรอว่าความสุขจะมาถึงเราวัน
เสาร์-อาทิตย์ แต่ทุกวันที่เราทำงานจะเป็นวันแห่งความสุขของเราเพราะว่าเราทำด้วยความรัก
2. ทำงานทุกชิ้นให้เต็มที่ให้ดี เพราะเมื่อเราสร้างงาน
งานจะย้อนกลับมาสร้างคน งานคือเวทีแสดงออกซึ่งศักยภาพใน
การทำงานของเราทุกครั้งที่เราทำงานให้เต็มที่และทำอย่างดีที่สุด คนก็จะเห็นคุณค่าของเราว่ามีมากน้อยเพียงไร
ดังนั้นเมื่อเราตั้งใจสร้างงาน งาน 1 ชิ้นก็จะย้อนกลับมาสร้างคน
3. ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
โปร่งใสเพราะเมื่อเราทำงานด้วยความสุจริตก็ไม่ต้องมานั่งระแวงภัยที่จะตามมาใน
อนาคตซึ่งเกิดจากการตามจับผิด
โดยหน่วยงานของทางการต่างๆ ถ้าเราทำวันนี้ให้ถูกต้องก็ไม่ต้องนั่งกังวลว่าวันวาน
มันจะผิด
4. เป็นนักประสานสิบทิศ
อย่ามัวแต่ทำงานจนหลงลืมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน
ไม่มีใครเก่งอยู่ได้คนเดียว
แท้ที่จริงเราจะต้องอาศัยผู้ร่วมงานจากทุกฝ่ายอยู่เสมอ
ดังนั้นอย่ามัวแต่ทำงานแต่จงทำคนด้วย เพื่อก่อให้เกิดสภาวะ
งานก็สำเร็จ ชีวิตก็รื่นรมย์ คนก็สำราญ
งานก็สำเร็จ ใครทำงานได้อย่างนี้คน ๆ นั้นจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จใน
การทำงาน จนกล่าวได้ว่า งานก็สำเร็จ ชีวิตก็รื่นรมย์
5. ถ้าไม่ได้ทำงานที่เรารักจะมีความสุขหรือเปล่า
ตอบได้อย่างนี้
ถ้าไม่ได้ทำงานที่เรารัก วิธีคิดที่ดีคือการมองเชิงบวก
เวลาเจองานหนักก็ให้บอกตัวเองว่านี้คือ
การฝึกตัวเอง เวลาเจอปัญหาซับซ้อนก็บอกตัวเองว่ายิ่งปัญหาซับซ้อนเราก็ยิ่งได้เรียนรู้มากขึ้น
เวลาเจอเจ้านายที่
ละเมียดละไมเหลือเกินก็ให้บอกตัวเองว่า
นายที่รอบคอบแบบนี้จะฝึกเราให้สมบูรณ์แบบ ฉะนั้นถ้าเรามองเชิงบวก
ให้เป็นถึงแม้เราจะไม่ได้ทำงานที่เรารักแต่เราก็จะมีความสุขเสมอ
ในเมื่อไม่มีสิ่งที่เราชอบ เราก็ควรชอบสิ่งที่เรามี
เพราะในโลกนี้ไม่มีใครได้อะไรอย่างใจหวัง
และจะไม่มีใครพลาดหวังทุกอย่างไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะทำมีแง่ดีแง่
งามอยู่เสมอขอให้เรามองให้เห็น
ถ้ามองเห็นเราก็จะเป็นสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
วิธีการมองเห็นทำอย่างไรถึงจะมองเห็นกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
คุณสมบัติที่จะเปลี่ยนทุกข์ให้เป็นสุขนั้น
มี 2 อย่าง
1. สังเกต สังเกตหาแง่ดีแง่งามของสิ่งต่าง ๆ ที่เราทำอยู่ให้เจอ
เช่น งานของพระอาจารย์เป็นงานที่ต้องเดินทางบ่อยมาก
ไปเทศน์ไปสอนตลอด หลายคนก็บอกว่าเหนื่อยมากๆ ถ้ามาถามพระอาจารย์จะบอกว่ามันเหนื่อยก็จริงแต่มีความสุข
มากเพราะได้เดินทางไปทั่วโลก ได้เจอผู้คน
ได้พบภูมิประเทศใหม่ ๆ ได้สานสัมพันธ์ใหม่
ๆ ตลอดเวลา ฉะนั้นใน
ความเหนื่อยเราก็ได้เดินทางท่องไปทั่วทั้งโลก นี่คือแง่ดีแง่งาม แต่ส่วนใหญ่คนมักจะมองอยู่จุดเดียวมองแค่ว่าเรา
กำลังเหนื่อยหนักจริง ๆ
เหนื่อยก็แค่ส่วนหนึ่ง แต่ส่วนที่ดีเมื่อพิจารณาจริง ๆ แล้วมันมีมากกว่า
ให้เราสังเกตอย่างนี้
รู้จักสังเกต รู้จักพินิจ พิจารณา
เราจะเห็นความแตกต่างเสมอ
2. สังเกตแล้วต้องสังกาให้ตั้งคำถามว่า เราจะสร้างสรรค์งานที่เราทำอยู่ให้ดีขึ้นได้อย่างไร ถ้าเราถามว่า ทำไม ทำไม
ทำไม... ก็จะเกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ
ขึ้นมาทุกครั้งไป กาลิเลโอก็ดี นิวตั้นก็ดี ประสบความสำเร็จในชีวิตเพราะว่าเขา
ชอบตั้งคำถามว่าทำไม
นั่นแหละเคล็ดลับในการทำงาน
ทำงานที่ชอบแต่เงินเดือนน้อยมองอย่างไรให้เป็นสุข
ถ้าเงินเดือนน้อยก็ต้องลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นของเราทิ้งไป
แทนที่จะไปเรียกร้องเงินเดือนให้สูงขึ้นกว่าจะได้ก็
ช้ามาก
ก็ใช้วิธีปรับวิธีในการบริโภคของเราลง ที่จะบริโภคต่างความอยาก ซึ่งเติมอย่างไรก็ไม่เต็มมาบริโภคตามความจำเป็น
ดีกว่ามุ่งประโยชน์ใช้สอยอย่างมุ่งประโยชน์ใช้สวย
ถ้าเราจับจ่ายใช้สอยในการถือหลักประโยชน์ใช้สวยมีเท่าไหร่ก็ไม่พอ
แต่ถ้าเราถือหลักจับจ่ายใช้สอย คือจำเป็นแค่ไหนก็จับจ่ายใช้สอยแค่นั้น พอกินพอใช้
ถึงแม้ไม่รวยแต่ก็ไม่ถึงขั้นตกต่ำย่ำแย่ แทนที่เราจะเรียกร้องเงินเยอะ ๆ
ทำไมเราไม่ลดหรือเปลี่ยนวิธีในการบริโภคของเราแทน
บริโภคต่างตัณหาทำให้เรามีเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้
แต่บริโภคตามปัญญาถึงเงินไม่มากมายอะไรแต่เราก็มีความสุขตามสมควร...
ว.วชิรเมธี
ทำงานอย่างไรให้มีความสุข (ไทยรัฐ)