โรงเรียนเปรียบเสมือนบ้านที่สองของเรา หากนับเวลาเป็นชั่วโมงอย่างน้อยหนึ่งในสามของแต่ละวันส่วนใหญ่ของเราอยู่ที่โรงเรียน
และเวลาอยู่บ้านอีกสองส่วนก็ใช้สำหรับการนอนเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นเวลาที่เราทำงาน
ต้องใช่พลังานส่วนใหญ่เราจึงอยู่โรงเรียน
เพราะฉะนั้นเราต้องรักโรงเรียนให้เหมือนกับรักบ้านของเรา เราต้องช่วยกันสอดส่องดูแลความเรียบร้อย
โดยถือเป็นหน้าที่อย่ามองว่าไม่ใช่หน้าที่ ก่อนกลับบ้านให้หันไปมองรอบๆ
ว่ามีเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดใดไม่ได้ปิดบ้าง เช่น เครื่องใช้สำนักงาน ไฟส่องสว่างดวงไหนไม่ปิดหรือเปิดโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ ก๊อกยังมีน้ำไหลอยู่หรือไม่ หรือปิดก็กอน้ำสนิทหรือไม่
หากเรายังไม่ดำเนินการให้ดำเนินการปิดให้เรียบร้อย
เป็นการฝึกหรือปลูกฝังนิสัยประหยัดให้เป็นนิสัยแก่ตัวเราเอง
การประหยัดไม่ใช่คิดประหยัดแค่พลังงานเท่านั้น ต้องช่วยกันประหยัดทรัพยากรในทุกอย่างของโรงเรียนด้วย เช่น เครื่องใช้สำนักงานต่าง ๆ
ของโรงเรียนของเราด้วย อย่าคิดว่าไม่ใช่เงินของเรา
เรามีวิธีประหยัดให้กับโรงเรียนของเรามากมาย และเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ทุกคนทำได้
และสามารถนำไปใช้กับที่ไหนก็ได้รวมทั้งบ้านเราด้วย และนำไปสอนนักเรียนเกี่ยวกับการประหยัดได้ด้วย
ดังนี้
- ถ้าใช้ลิฟต์ให้กดลิฟต์เพียงครั้งเดียว
- เดินขึ้นบันไดแทนขึ้นลิฟต์
ถ้าขึ้นเพียง 2 ชั้น
- ปิดไฟทุกครั้งเมื่อเลิกใช้
- ปิดไฟตอนพักกลางวัน
ถ้าไม่มีคนอยู่
- ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดเมื่อกลับบ้าน
- ไม่นำของร้อนแช่ตู้เย็น
- ดึงปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าออกทุกครั้งเมื่อเลิกใช้
- ไม่ต้มน้ำเสียบไฟฟ้าตลอดเวลา
- เลื่อนตู้เย็นห่างฝาผนัง 15 ซม.
พร้อมทั้งดูแลอย่าให้น้ำแข็งเกาะข้างช่องน้ำเข็ง
- ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่
25 - 26 องศาเซลเซียส
- หมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศของเครื่องปรับอากาศ
- กำหนดเปิดแอร์ช้าลง
และปิดแอร์เร็วขึ้น
- ไม่ใช้โทรศัพท์ของโรงเรียนอย่างฟุ่มเฟือย
- ไม่ควรชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือส่วนตัวในโรงเรียน
- โต๊ะทำงานที่มีแสงสว่างเพียงพอไม่ควรเปิดไฟ
ควรใช้แสงธรรมชาติ
- ถ้าใช้ไฟที่เป็นแผง
โดยในแผงมีหลายหลอดควรเอาหลอดออกบ้าง
- ใช้กระดาษอย่างคุ้มค่า
โดยนำมารีไซเคิล
- พริ๊นงานเท่าที่จำเป็น
- ตรวจสอบงานให้เรียบร้อยก่อนพริ๊น
- ไม่เล่นเกมออนไลน์
หรือ แชตออนไลน์
จากที่กล่าวมาข้างต้นยังไม่พอสำหรับการประหยัดพลังงานยังมีแนวทางการประหยัดพลังงาน
ที่ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง เพราะทุกวันนี้ เรามีสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงานมากมาย
เช่น ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ระบบน้ำประปา และอุปกรณ์ต่างๆ
มากมาย ดังนั้นเราทุกคนควรมีความรู้ความเข้าใจเบื้องต้น เกี่ยวกับการประหยัดพลังงานต่างๆ
ด้วย ที่จะกล่าวเป็นอีกวิธี หรือแนวทางหนึ่งที่เพิ่มเติมจากที่กล่าวมา
เราก็สามารถเลือก และสร้างความรู้เกี่ยวกับการประหยัดพลังานได้เช่นกัน
ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง
1. ปิดไฟในเวลาพักเที่ยงหรือเมื่อเลิกราการใช้งานหรือหมดความจำเป็นต้องใช้งาน
การปิดสวิตซ์ไฟบ่อยๆไม่ทำให้เปลืองไฟฟ้าแต่อย่างใด
2. เปิดม่านหรือหน้าต่างหรือติดตั้งกระเบื้องโปร่งแสงเพื่อรับแสงสว่างจาก
ธรรมชาติ แทนการใช้แสงสว่างจากหลอดไฟ
3. กำหนดช่วงเวลาการเปิดปิดไฟให้เหมาะสมกับช่วงเวลาที่ใช้งาน
4. จัดระบบสวิตซ์ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าแสงสว่างให้เหมาะสมกับพื้นที่
เช่น ปรับ เป็นสวิตซ์เปิดปิดแบบแยกแถว แยกดวง เป็นต้น
5. ติดสติ๊กเกอร์บอกตำแหน่งไว้ที่สวิตซ์เปิดปิดหลอดไฟเพื่อเปิดใช้งานได้อย่าง
ถูกต้อง
6. ใช้อุปกรณ์และหลอดไฟชนิดประหยัดพลังงานที่ได้รับ
การรับรองมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ (หลอดนีออน) แบบผอม แทน
หลอดแบบธรรมดา (ประหยัดไฟฟ้าร้อยละ 30) หรือหลอด LED
7. ใช้หลอดคอมแพ็กฟลูออเรสเซนต์
(หลอดตะเกียบ) แทนหลอดไส้ (ประหยัด ไฟฟ้าร้อยละ 75) ใช้โคมสะท้อนแสงแบบประสิทธิภาพสูง
และใช้บัลลาสต์ อิเล็กทรอนิกส์แทนบัลลาสต์แบบธรรมดา
8. ทำความสะอาดหลอดไฟฟ้าอย่างน้อยปีละ
2 ครั้ง เพราะฝุ่นละอองที่เกาะอยู่ จะทำให้แสงสว่างน้อยลงและอาจท
าให้ต้องเปิดไฟหลายดวงเพื่อให้ได้แสง สว่างเท่าเดิม
9. เมื่อพบว่าหลอดไฟ สายไฟ ชำรุดหรือขาหลอดเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหรือดำควรเปลี่ยนทันทีเพื่อป้องกันอัคคีภัย
เนื่องจากไฟฟ้าลัดวงจร
10. รณรงค์สร้างจิตสำนึกในการประหยัดพลังงานไฟฟ้า
แสงสว่างอย่างจริงจังและ ต่อเนื่องด้วยวิธีการต่างๆ เช่น
ติดสติ๊กเกอร์ประชาสัมพันธ์ จัดบอร์ด นิทรรศการ เสียงตามสาย
หรือให้ความรู้โดยการจัดอบรม เป็นต้น อย่ำลืมปิดไฟทุกครั้ง เมื่อไม่ใช้งำนนะครับ
ระบบเครื่องปรับอากาศและพัดลมระบายอากาศ
1. ปิดเครื่องปรับอากาศทันทีเมื่อไม่ต้องการใช้งาน
และเมื่อต้องการปิด เครื่องใหม่อีกครั้ง ควรอย่างน้อย 15 นาที
2. ปิดเครื่องปรับอากาศทันทีหากไม่อยู่ในห้องนานกว่า
1 ชั่วโมง และปิด ก่อนเวลาเลิกงานเนื่องจากยังคงมีความเย็น
อยู่จนถึงเวลาเลิกงาน
3. ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศไม่ต่ำกว่าที่
25 องศาเซลเซียส เนื่องจาก หากตั้งอุณหภูมิให้สูงขึ้นทุก 1
องศา จะประหยัดไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 10
4. แยกสวิตซ์ปิดเปิดเครื่องปรับอากาศและพัดลมระบายอากาศออกจากกัน
เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลมระบายอากาศไว้ตลอดเวลาที่ใช้ เครื่องปรับอากาศ
5. เปิดหน้าต่างให้ลมพัดเข้ามาในห้องช่วงที่อากาศไม่ร้อนแทนการเปิด
เครื่องปรับอากาศ จะช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและเป็นการถ่ายเท อากาศอีกด้วย
6. ตรวจวัดประสิทธิภาพการไหลเวียนหรือการถ่ายเทของอากาศในห้องปรับ
อากาศหากมีการไหลเวียนของอากาศไม่เพียงพอให้แก้ไขโดยติดตั้งพัดลม ระบายอากาศ
โดยขนาดของพัดลมระบายอากาศต้องมีความเหมาะสมกับ ขนาดของห้อง
7. ไม่นำต้นไม้มาปลูกในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศเพราะต้นไม้จะคายไอน้ำทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานมากขึ้น
8. ย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ปล่อยความร้อน
เช่น กาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า เครื่องถ่าย เอกสาร เป็นต้น
ออกไว้นอกห้องปรับอากาศโดยเฉพาะเครื่องถ่ายเอกสาร นอกจากจะปล่อยความร้อนออกสู่ห้องปรับอากาศทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้า
แล้วผงหมึกจากเครื่องจะฟุ้งกระจายอยู่ในห้อง เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ร่างกายของผู้ปฏิบัติงานบริเวณนั้น
9. ตรวจสอบและอุดรอยรั่วที่ผนัง
ฝ้าเพดาน ประตู ช่องแสง เพื่อป้องกัน ความเย็นรั่วไหลจากห้องปรับอากาศ
10. ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศอยู่เสมอ
อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง จะ ช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ ร้อยละ 5-7
11. กำหนดตารางการดูแลรักษา
ซ่อมบำรุง และมีคู่มือปฏิบัติงาน
12. รณรงค์สร้างจิตส
านึกในการประหยัดพลังงานไฟฟ้าจากการใช้ เครื่องปรับอากาศอย่างจริงจังและต่อเนื่องด้วยวิธีการต่างๆ
เช่น ติด สติ๊กเกอร์ประชาสัมพันธ์ จัดบอร์ด นิทรรศการ เสียงตามสาย หรือให้ ความรู้โดยการจัดอบรม
เป็นต้น
ระบบอุปกรณ์สำนักงานและอุปกรณ์อื่น
1. ปิดจอภาพคอมพิวเตอร์เมื่อไม่มีการใช้งานนานเกินกว่า
15 นาที หรือตั้ง โปรแกรมพักหน้าจอ
2. ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องพิมพ์เมื่อไม่มีการใช้งานติดต่อกันนาน
กว่า 1 ชั่วโมง และปิดเครื่องทุกครั้งหลังเลิกการใช้งานพร้อมทั้งถอดปลั๊ก
ออก
3. เลือกใช้คอมพิวเตอร์ที่มีระบบประหยัดพลังงาน
เพราะใช้กำลังไฟฟ้า ลดลงร้อยละ 55 ในขณะที่รอทำงานและควรใช้จอภาพขนาดที่ไม่ใหญ่
เกินไป เช่น จอภาพ ขนาด 14 นิ้ว
จะใช้พลังงานน้อยกว่าจอภาพขนาด 17 นิ้ว ถึงร้อยละ 25
4. ตรวจแก้ไขเอกสารบนจอภาพแทนการตรวจแก้ไขบนเอกสารที่พิมพ์จาก
เครื่องพิมพ์ จะช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงาน กระดาษ หมึกพิมพ์ และ การสึกหรอของเครื่องพิมพ์ได้มาก
5. ติดตั้งเครือข่ายเชื่อมโยงการทำงานของเครื่องพิมพ์เพื่อใช้เครื่องพิมพ์
ร่วมกันจะช่วยลดความสิ้นเปลืองทั้งด้านพลังงานและการซ่อมบำรุง
6. ถ่ายเอกสารแบบสองหน้าเพื่อลดปริมาณการใช้กระดาษ
7. ปิดเครื่องถ่ายเอกสารทุกครั้งหลังเลิกงานพร้อมถอดปลั๊กออก
8. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดในส
านักงานเมื่อเลิกใช้งาน หรือเมื่อไม่มีความต้องการใช้งานนานกว่า 1 ชั่วโมง
9. ปฏิบัติตามค าแนะน
าการใช้อย่างเคร่งครัดเพื่อประหยัดพลังงานและยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ
10. มีแผนการตรวจเช็คและทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
11. ใช้บันไดกรณีขึ้นลงชั้นเดียว
12. รณรงค์การประหยัดพลังงานไฟฟ้าของอุปกรณ์สำนักงาน
อย่างจริงจังและ ต่อเนื่องด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ติดสติ๊กเกอร์ประชาสัมพันธ์
จัดบอร์ด นิทรรศการ เสียงตามสาย หรือให้ความรู้โดยการจัดอบรม เป็นต้น ควรใช้จอภำพขนำดที่ไม่ใหญ่เกินไป
เช่น จอภาพ ขนาด 14 นิ้ว จะใช้ พลังงานน้อยกว่าจอภาพขนาด 17
นิ้ว ถึงร้อยละ 25 นะ
สิ่งที่กล่าวมาเป็นแนวทางการประหยัดพลังานที่ทั้งบุคลากร
และผู้บริหารต้องนำไปประยุกต์ใช้ รวมทั้งปรับอุปกรณ์
และสิ่งต่างๆที่จะเอื้อต่อการให้บุคลากรได้ร่วมประหยัดพลังงานรวมทั้งผู้บริหารต้องเป็นต้นแบบ
และต้องคอยกำกับและติดตามการประหยัดพลังงานของบุคลากรอย่างใกล้ชิด
ต่อเนื่องและจริงจัง