รูปภาพของช่อลดา โทอื้น
ประโยคภาษาอังกฤษที่นักเรียนมักพูดผิด
โดย ช่อลดา โทอื้น - พุธ, 26 เมษายน 2017, 03:37PM
 

ปัจจุบันภาษาอังกฤษ ถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญต่อวิถีชีวิตของคนไทยมากขึ้น เพราะประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกอาเซียน ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสาร และจะเห็นได้ว่า ทุกวันนี้มีโรงเรียนหลายแห่งจัดให้มีโครงการสองภาษา หรือ โครงการ English Program ที่จัดการเรียนการสอนโดยครูเจ้าของภาษาหรือครูชาวต่างประเทศเพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของนักเรียนให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้นักเรียนสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอาเซียนได้อย่างมีความสุข แต่อย่างไรก็ตาม ภาษาอังกฤษของนักเรียนไทย ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ

เนื่องจากผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าสังเกตการจัดการเรียนการสอนของครูชาวต่างประเทศในทุกระดับชั้น ทำให้ผู้เขียนสังเกตว่า ในระหว่างที่นักเรียนสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษกับครูชาวต่างประเทศนั้น นักเรียนส่วนใหญ่จะใช้คำหรือประโยคภาษาอังกฤษที่ผิดอยู่บ่อย ๆ ผู้เขียนจึงได้พยายามบันทึกคำหรือประโยคเหล่านั้นลงในสมุด และถามครูเจ้าของภาษาว่า จริง ๆ แล้วนักเรียนควรจะพูดว่าอย่างไร ซึ่งคำหรือประโยคที่นักเรียนมักพูดผิดบ่อย ๆ มีดังนี้

** เมื่อนักเรียนต้องการพูดว่า ฉันไม่มีดินสอ นักเรียนมักพูดว่า “I no have pencil.” 

นักเรียนควรพูดว่า “I don’t have a pencil.”

** เมื่อนักเรียนต้องการพูดว่า คุณครูครับ ผมขออนุญาตเข้าห้องน้ำนักเรียนมักพูดว่า Teacher, I go to toilet.”

นักเรียนควรพูดว่า May I go to the toilet, please?”

** เมื่อนักเรียนต้องการพูดว่า ฉันขอโทษที่มาสายนักเรียนมักพูดว่า “I sorry I late.”

นักเรียนควรพูดว่า “I’m sorry to be late.” หรือ “I apologize for being late”

** เมื่อครูถามนักเรียนว่า “Why were you absent yesterday?” นักเรียนมักตอบว่า “I sick.” หรือ “I go to Bangkok with my mother.”

นักเรียนควรพูดว่า “I was sick.” หรือ “I went to Bangkok with my mother.”

** เมื่อครูถามนักเรียนว่า “Where did you go on Songkran holidays?” นักเรียนมักพูดว่า No, I stay home.”

นักเรียนควรพูดว่า “I didn’t go anywhere. I stayed at home.”

** เมื่อนักเรียนต้องการพูดว่า ฉันเคยไปเชียงใหม่นักเรียนมักพูดว่า “I ever go to Chiangmai.”

นักเรียนควรพูดว่า “I have ever been to Chiangmai.”

** เมื่อนักเรียนต้องการพูดว่า เวลาว่าง ฉันชอบเล่นเฟซบุ้คนักเรียนมักพูดว่า “When I free, I like to play Facebook.”

นักเรียนควรพูดว่า “I like to spend my free time on Facebook.” หรือ “I like to play on Facebook when I’m free.”

** เมื่อนักเรียนต้องการบอกเพื่อนว่า หยุดพูดนักเรียนมักพูดว่า “Stop your mouth!”

นักเรียนควรพูดว่า “Be quiet!”

** เมื่อนักเรียนต้องการพูดว่า คุณครูอย่าบังกระดาน ผมมองไม่เห็นครับนักเรียนมักพูดว่า Teacher, please don’t hide the board. I don’t see.

นักเรียนควรพูดว่า “Excuse me, teacher. I can’t see the board.”

** เมื่อนักเรียนต้องการพูดว่า คุณครูครับ ผมร้อนมาก เปิดเครื่องปรับอากาศได้ไหมครับนักเรียนมักพูดว่า “Teacher, I’m very hot. Can you open the air-con?

นักเรียนควรพูดว่า “It’s very hot. Could you please turn on the air-con?

** เมื่อนักเรียนต้องการถามคุณครูว่า คุณมาจากประเทศอะไรนักเรียนมักพูดว่า “Where you come from?”

นักเรียนควรพูดว่า “Where do you come from?” หรือ “Where are you from?”

** เมื่อนักเรียนต้องการถามคุณครูว่า คุณมีสัญชาติอะไรนักเรียนมักพูดว่า “What is your country?”

นักเรียนควรพูดว่า “What is your nationality?

** เมื่อนักเรียนต้องการพูดว่า เธอเป็นคนทันสมัยตามแฟชั่นนักเรียนมักพูดว่า “She’s in trend.”

นักเรียนควรพูดว่า “She’s trendy.” หรือ “She’s fashionable.”

** เมื่อนักเรียนต้องการพูดว่า เขาพูดเกินจริงนักเรียนมักพูดว่า “He is over.”

นักเรียนควรพูดว่า “He is exaggerating.”

** เมื่อคุณครูพูดว่า “Thank you” นักเรียนมักพูดว่า “Never mind” หรือ นิ่งเฉย ไม่พูดอะไร

นักเรียนควรพูดว่า “You’re welcome.” หรือ “My pleasure”

** เมื่อนักเรียนต้องการพูดว่า เหมือนกันนักเรียนมักพูดว่า “Same same”

นักเรียนควรพูดว่า “It’s the same.” หรือ “Same thing.”

** เมื่อนักเรียนต้องการพูดว่า ฉันชอบเล่นคอมพิวเตอร์หรือเล่นโทรศัพท์มือถือนักเรียนมักพูดว่า I like to play the computer. หรือ “I like to play my phone.”

นักเรียนควรพูดว่า “I like to play on the computer.” หรือ “I like to play on my phone /cell phone / mobile phone.”

ประโยคเหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่ผู้เขียนได้บันทึกไว้จากการสังเกตการสื่อสารระหว่างนักเรียนกับครูชาวต่างประเทศ จริง ๆ แล้ว คำหรือประโยคที่นักเรียนใช้ผิดข้างต้น เป็นคำที่คนไทยหลาย ๆ คน ในปัจจุบันยังคงใช้กันอยู่ แม้กระทั่งตัวผู้เขียนเอง ก็ยังเคยใช้ ซึ่งสาเหตุที่นักเรียนนำคำหรือประโยคผิด ๆ เหล่านี้มาใช้ อาจเป็นเพราะเคยได้ยินได้ฟังต่อ ๆ กันมา โดยไม่รู้ว่ามันผิด หรือไม่ควรใช้ หรืออาจเกิดจากการแปลมาจากภาษาไทย ตรง ๆ คำต่อคำ ซึ่งทำให้การสื่อความหมายนั้นผิดเพี้ยน ขาดอรรถรส หรือไม่สุภาพ ดังนั้น การพัฒนาตนเองด้านทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ จึงเป็นเรื่องที่นักเรียนควรให้ความสนใจ และควรเรียนรู้ที่จะใช้ให้ถูกต้อง หมั่นพูดคุยกับครูชาวต่างประเทศบ่อย ๆ หมั่นสังเกตและจดจำ เมื่อรู้ว่าผิดต้องแก้ไข ทั้งนี้ เมื่อนักเรียนใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องแล้ว คำหรือประโยคที่เคยใช้ผิดกันบ่อย ๆ ก็จะค่อย ๆ หมดไปในที่สุด ซึ่งจะทำให้การสื่อสารของคนไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถสื่อความหมายได้ถูกต้อง เข้าใจตรงกันทั้งผู้ฟังและผู้พูด และท้ายที่สุดคนไทยก็จะกล้าใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจ