สร้างสุขในการทำงานด้วยทัศนคติเชิงบวก

ถ้าให้คุณเลือกฟัง คุณอยากฟังประโยคไหนมากกว่ากัน ระหว่าง… “งานน่าเบื่อ ลูกพี่ขี้บ่น คนก็น้อย เจ้านายคอยจิก” กับ “งานท้าทาย เจ้านายก็ดี พี่ๆก็เป็นกันเอง” แน่นอนว่าทุกคนคงไม่อยากฟังไม่อยากได้ยินอะไรที่เป็นเรื่องลบไม่สร้างสรรค์ เพราะยิ่งฟังก็ยิ่งเครียดยิ่งฟังก็ยิ่งทำให้ชีวิตย่ำแย่ไปตามความหมายของประโยคนั้นๆ ใครได้ฟังประโยคแบบนี้บ่อย ๆ แสดงว่าคน ๆ นั้นเปรียบเสมือนถังขยะที่คอยเก็บเอาแต่เรื่องที่เป็นลบเข้ามาในชีวิตอยู่ตลอดเวลา แล้วคุณเองเคยพูดประโยคในเชิงลบในที่ทำงานบ้างหรือไม่? ถ้าตอบว่าไม่เคยแสดงว่าคุณเป็นคนที่มีทัศนคติดีมาก แต่ถ้าตอบว่า “เคย” ขอถามต่อว่า…

”ทำไมคุณถึงได้พูดประโยคแบบนี้ให้คนอื่นฟัง ทั้งๆที่คุณเองก็ไม่อยากฟังไม่อยากได้ยิน?

คุณอาจจะตอบว่า“ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่”“ก็มันน่าโมโหจริงๆนี่” “ก็ไม่ทนไม่ไหวจริงนะ”
คุณรู้หรือไม่ว่าน้ำดื่มที่เราดื่มอยู่ทุกวันนี้มันมาจากไหน มันเคยเป็นน้ำที่มีทั้งความขุ่น มีกลิ่น มีเชื้อต่างๆปะปนอยู่ มากมายมาก่อน แต่เมื่อผ่านกระบวนการกรองและฆ่าเชื้อแล้ว มันจึงกลายมาเป็น น้ำดื่มที่สะอาดบริสุทธิ์ได้ แสดงว่าสิ่งที่เรามองว่าสกปรกนั้น แท้จริงแล้วก็ยังมีความสะอาดบริสุทธิซ่อนอยู่ภายใน เช่นเดียวกันกับคำพูด หรือการกระทำเชิงลบของคนอื่น หากเรารับมาโดยไม่มีกระบวนการกลั่นกรอง
และกำจัดเชื้อโรคทางคำพูดออกไปก่อนแล้ว คำพูดเชิงลบก็จะทำให้เราเกิดอารมณ์และความคิดที่เป็น
ลบเช่นกัน ซึ่งไม่แตกต่างอะไรกับการที่เราเอาน้ำดิบที่สกปรกมาดื่มโดยปราศจากการกลั่นกรองหรือ
ฆ่าเชื้อมาก่อน สุดท้ายอาจจะทำให้เราติดเชื้อหรือเจ็บป่วยได้เหมือนกัน

ดังนั้น เพื่อให้เราได้ดื่มบรรยากาศบริสุทธิ์ทุกวัน จึงขอแนะนำกระบวนการผลิตทัศนคติที่ดีในที่ทำงานดังนี้

กรองข้อมูลที่เป็นลบออก

ถ้าเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้ฟังได้ยินความคิดที่เป็นลบของผู้อื่นหรือตัวกระตุ้นความคิดที่เป็นลบของ
เราเอง เราต้องมีกระบวนการกรองโดยการใช้เหตุผล ฟังข้อมูลให้รอบด้าน ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ
ของแหล่งข้อมูลเพื่อคัดกรองข้อมูลที่เป็นลบออกไปก่อนหรืออาจจะใช้วิธีการปล่อยให้มันตกตะกอน
ไปสักพักหนึ่ง ก่อนก็ได้ ก่อนที่คิด พูดหรือทำอะไรลงไป

ฆ่าเชื้อทางความคิดที่เป็นลบ

ข้อมูลเหตุผลอาจจะช่วยกรองความคิดที่เป็นลบออกไปได้บ้างแต่คงไม่หมด ดังนั้น เราจึงต้องมี

กระบวนการในการฆ่าเชื้อความคิดที่เป็นลบออกจากสมองของเรา โดยใช้หลักธรรมคำสั่งสอนทาง
ศาสนา ข้อคิด ประสบการณ์ชีวิตทั้งของตัวเองและผู้อื่น ๆหรือคิดถึงผลเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจาก
ความคิดที่เป็นลบ เพื่อทำเราเกิดความกลัวไม่กล้าคิดลบต่อจนกลายเป็นการกระทำ ปล่อยให้ความคิดเป็นลบ หรือแคระแกร็นและหยุดการเจริญเติบโตไปเลย

เติมสารทัศคติเชิงบวก

เมื่อเรากำจัดความคิดที่เป็นลบออกจากตัวเราไปได้แล้ว เราควรจะสร้างมูลค่าเพิ่มโดยการหาความรู้
เพิ่ม คบคนที่คิดบวก ฟังคนที่คิดสร้างสรรค์ ฝึกคิดบวกอย่างสร้างสรรค์ด้วยตนเองเป็นประจำ เช่น
ดีเหมือนกันที่ได้ทำงานเยอะกว่าคนอื่น ดีเหมือนกันที่เราเป็นหนี้จะได้รู้คุณค่าของการใช้เงิน ฯลฯ ก็จะ ทำให้เรากลายเป็นคนที่มีทัศนคติเชิงบวกได้โดยไม่ยาก

“ธุรกิจรับซื้อของเก่ายังสามารถเปลี่ยนขยะให้เป็นเงินได้ฉันใด คนเราก็สามารถเปลี่ยนสิ่งที่เป็นลบให้เป็นทัศนคติเชิงบวกได้ฉันนั้น”

ผู้สรุป มิสวนิชา สืบสุข  หัวหน้าแผนกการเงิน

  ที่มา : www.soccersuck.com