A study of waste disposal behavior of students of
Assumption College Nakhonratchasima
นายธรรมนูญ คำสัตย์ : ฝ่ายบริหารทั่วไป : คณะกรรมการที่ปรึกษาผู้อำนวยการ
โรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยของนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา และ (2) เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยของนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา จำแนกตาม เพศ ระดับชั้นที่กำลังศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และระดับการศึกษาของผู้ปกครอง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 317 คน ได้มาจากการสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Multi Stage Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม แบบมาตราส่วนประมาณค่า 3 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) การทดสอบค่าที (Independent t-test) การทดสอบความแปรปรวนแบบทางเดียว (One - Way Analysis of Variance) ผลการศึกษาพบว่า (1) พฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยของนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ยพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอย เทากับ 1.34 และ (2) นักเรียนชายและหญิงมีพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นักเรียนที่มีระดับการศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และระดับการศึกษาของผู้ปกครอง ต่างกันมีพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอย ไม่แตกต่างกัน
คำสำคัญ : พฤติกรรม , การทิ้งชยะมูลฝอย , โรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา
ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไป สังกัด ฝ่ายบริหารทั่วไป
คณะกรรมการที่ปรึกษาผู้อำนวยการ
E-mail : Coachart29@gmail.com
บทนำ
ปัจจุบันขยะกำลังเป็นปัญหาสำคัญในระดับโลก ดังนั้นหลายประเทศให้ความสำคัญและสนใจในการแก้ปัญหาขยะที่กำลังก่อให้เกิดผลกระทบโดยตรงกับสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ โดยเฉพาะขยะพลาสติกที่ก่อให้เกิดปัญหามลภาวะต่าง ๆ ตามมาอย่างมากมาย ซึ่งปัญหาดังกล่าวล้วนเกิดมาจากมนุษย์ โดยเฉพาะปัญหาขยะพลาสติกล้นเมือง ขยะพลาสติกที่ไหลลงสู่ทะเลกลายเป็นปัญหาระดับโลก ซึ่งขณะนี้หลายประเทศให้ความสนใจและร่วมมือกันหาวิธีแก้ไข ทั้งการกำหนดนโยบายในการจัดการขยะ รวมถึงมาตรการลด เลิกใช้ถุงพลาสติก และการรณรงค์รีไซเคิล เพื่อร่วมมือกันกำจัดหรือลดจำนวนขยะพลาสติกลง และหันมาเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (กรมพัฒนาพลังงานทุดแทนและอนุรักษ์พลังงาน,2563) การจัดการขยะจึงควรให้ความสำคัญหรือควรแก้ปัญหาตั้งแต่ระดับครอบครัว โรงเรียนเพราะเป็นสถานที่ฝึกอบรมนิสัยและให้ความรู้เพื่อที่จะนำไปปรับ ใช้ในการดำรงชีวิตต่อไป
การจัดการศึกษาตามที่พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 ในหมวด 4 มาตรา 22 กล่าวถึงการจัดการศึกษาว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ นอกจากนี้ในมาตรา 23 กำหนดให้การจัดการศึกษา
ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยต้องเน้นความสำคัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ และการบูรณาการตามความเหมาะสมในแต่ละระดับการศึกษา ซึ่งเชื่อมโยงกับมาตรา 24 (4) ที่กำหนดให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดกระบวนการเรียนการสอนแก่ผู้เรียนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกันรวมทั้งปลูกฝังคุณธรรมค่านิยมที่ดีงามและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ประกาศเจตนารมณ์ลด และคัดแยกขยะมูลฝอยในหน่วยงานสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทั่วประเทศ ตามนโยบาย “มาตรการลดและคัดแยกขยะมูลฝอยในหน่วยงานภาครัฐ” โรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา ให้ความสำคัญในการคัดแยกขยะมูลฝอยในสถานศึกษา สอดคล้องตามนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยมีแนวทางในการจัดการขยะมูลฝอย ได้แก่ การรณรงค์ให้นักเรียน ครู และบุคลากรในเรื่องการคัดแยกขยะก่อนนำไปทิ้ง การทิ้งขยะในถังขยะที่ถูกประเภท มีการดำเนินการคัดแยกขยะ ณ แหล่งกำเนิดโดยการแยกขยะเป็น 3 ประเภท คือ ขยะเปียก ขยะแห้ง ขยะอันตราย และนำแนวคิดการลดปริมาณขยะและนำกลับมาใช้ใหม่ โดยใช้แนวคิดการลดปริมาณขยะ 7 แนวทาง คือ การใช้ซ้ำ (Reuse) การซ่อมแซม (Repair) การแปรรูปใช้ใหม่ (Recycle) การเลี่ยงใช้ (Reject) การลดขยะ (Reduce) การเลือกใช้สินค้าชนิดเติม (Refill) และการเลือกใช้สินค้าที่ส่งคืนบรรจุภัณฑ์กลับสู่ผู้ผลิตได้ (Return) จากการดำเนินการที่กล่าวมานั้น พบว่า นักเรียนยังมีการแยกทิ้งขยะมูลฝอยไม่ถูกต้อง และยังมีขยะมูลฝอยทิ้งเกลื่อนกลาดอยู่ตามบริเวณต่าง ๆ ของโรงเรียน และยังพบเห็นพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยที่ไม่ถูกต้องของนักเรียนในสถานที่ต่าง ๆ ดังนั้นผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะศึกษาพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยของนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา เพื่อนำข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการศึกษา มาเป็นแนวทางในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยของนักเรียนให้มีความถูกต้องเหมาะสมต่อไป
ทบทวนวรรณกรรม
แนวคิดที่เกี่ยวข้องกับความรูทั่วไปเกี่ยวกับขยะมูลฝอย
ความหมายของคําวา ขยะ หรือมูลฝอย หรือขยะมูลฝอย ผู้วิจัยได้สรุปความหมายของคำว่าขยะมูลฝอยจากแนวคิดของทวีสิทธิ์ สิทธิกร (2531 : 115) สำนักรักษาความสะอาด (ม.ป.ป. : 1) พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 (2525 : 650) พิชิต สกุลพราหมณ (2535 : 334) สามารถสรุปได้วา ขยะมูลฝอย หมายถึง วัสดุ สิ่งของที่เหลือทิ้งจากการใชงาน เช่น เศษกระดาษ เศษวัสดุที่หอหุมสินคา พลาสติก เศษแกว โลหะ กระปอง เศษอาหารและเศษวัสดุอื่น ๆ
ปัจจัยในการเกิดและแหล่งที่มาของปญหาขยะมูลฝอย ตามแนวคิดของวินัย วีระวัฒนานนท.(2540 : 20) และจตุพร บุนนาค (2540 : 99 - 102) สรุปได้ว่า ปัจจัยในการเกิดปญหาขยะมูลฝอย เกิดจากกิจกรรมตาง ๆ ของมนุษย์ที่กระทำ ดังนั้นถาประชาชนอาศัยอยู่รวมกันมาก อยูรวมกันย่างหนาแน่น ก็สามารถกอใหเกิดปริมาณขยะมูลฝอยเพิ่มมากขึ้น
ประเภทของขยะมูลฝอย ตามแนวคิดของระเบียบ ชาญช่าง (2541 : 21 - 22) ได้แบ่งประเภทของขยะมูลฝอยออกเป็น 12 ชนิด ได้แก่ 1.ขยะมูลฝอยสด (Garbage) 2. ขยะมูลฝอยแหง (Rubbish) 3. เถ้า (Ashes) 4. ขยะมูลฝอยจากโรงงานอุตสาหกรรม (Industrial refuse) 5. ซากสัตว (Dead animals) 6. ขยะมูลฝอยจากถนน (Street refuse) 7. ขยะมูลฝอยจากการเกษตรกรรม (Agricultural refuse) 8. ของใชที่ชํารุด (Bulky waste) 9. ซากรถยนต์ (Abandoned vehicles) 10. เศษสิ่งปลูกสร้าง (Construction & Demolition wastes) 11. ขยะมูลฝอยพิเศษ (Special wastes) และ 12. กากตะกอนและน้ำโสโครก (Sewage treatment residues) ส่วนสำนักคณะกรรมการสิ่งแวดลอมแหงชาติ ได้จําแนกประเภทของขยะมูลฝอยตามกิจกรรม ออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. ขยะมูลฝอยจากชุมชน (Community wastes) 2. ขยะมูลฝอยจากการเกษตรกรรม (Agricultural wastes) และ 3. ขยะมูลฝอยจากโรงงานอุตสาหกรรม (Industrial wastes) ผู้วิจัยได้สรุปการจําแนกประเภทของขยะมูลฝอยออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. ขยะมูลฝอยเปียก ได้แก เศษอาหาร เศษพืชผัก เศษเนื้อสัตว เศษผลไม้ และ 2. ขยะมูลฝอยแหง ได้แก่ กระดาษ พลาสติก เศษไม้ ผา แกว กระปอง เนื่องจากโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา
มีการแยกทิ้งขยะมูลฝอยออกเป็น 2 ประเภท คือ ขยะมูลฝอยเปียก และขยะมูลฝอยแหง
แนวคิดเกี่ยวกับพฤติกรรม
ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับพฤติกรรม จากประภาเพ็ญ สุวรรณ (2527 : 15) สิทธิโชค วรานุสันติกุล (2529 : 4) ชลิดา ถนอมวงษ (2537 : 10) สมจิตต สุพรรณทัสน (2540 : 97) สรุปได้ว่า
พฤติกรรม คือ กิจกรรมหรือปฏิกิริยาการตอบสนองของสิ่งมีชีวิต ประกอบด้วยพฤติกรรมภายในซึ่งไม่สามารถสังเกตได้ แต่สามารถวัดได้โดยใชเครื่องมือพิเศษ และพฤติกรรมภายนอกที่สามารถสังเกตได้โดยตรง
กรอบแนวคิด
จากการศึกษาแนวคิดทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวของกับพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอย ซึ่งจากตัวแปร ที่คาดวาจะมีผลตอพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยของนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา ดังภาพประกอบ 1
ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม
ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดในการวิจัย
วัตถุประสงค์การวิจัย
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยของนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา และ (2) เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยของนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา จำแนกตาม เพศ ระดับชั้นที่กำลังศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และระดับการศึกษาของผู้ปกครอง
วิธีวิจัย
การวิจัยเรื่องการศึกษาพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยของนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 317 คน ได้มาจากการสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Multi Stage Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม แบ่งออกเป็น 2 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 แบบสอบถามข้อมูลทั่วไปของนักเรียน ซึ่งลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Checklist) จำนวน 4 ข้อ ได้แก่ เพศ ระดับการศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระดับการศึกษาของผู้ปกครอง ตอนที่ 2 แบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยของนักเรียน มีลักษณะคําตอบเป็นแบบมาตราสวนประมาณคา (Rating scale) 3 ระดับ คือ ปฏิบัติประจำ ปฏิบัติเป็นบางครั้ง และไม่เคยปฏิบัติ จำนวน 18 ข้อ วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของนักเรียน ที่ตอบแบบสอบถาม โดยการคำนวณหาค่าความถี่และร้อยละ วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยของนักเรียน โดยวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย () และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เปรียบเทียบพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยของนักเรียน จำแนกตามเพศ โดยการวิเคราะห์ค่าที (Independent t-test) เปรียบเทียบพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยของนักเรียน จำแนกตามระดับการศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และระดับการศึกษาของผู้ปกครองโดยการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One - Way Analysis of Variance)
ผลการวิจัย
ผลการวิจัยพบว่า (1) พฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยของนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ยพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอย เทากับ 1.34 และ (2) นักเรียนชายและหญิงมีพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นักเรียนที่มีระดับการศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และระดับการศึกษาของผู้ปกครอง ต่างกันมีพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอย ไม่แตกต่างกัน
อภิปรายผล
ผลการวิจัยครั้งนี้ สามารถอภิปรายผลได้ดังนี้ (1) พฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยของนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา ที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง พบวาอยู่ในระดับปานกลาง ทั้งนี้อาจเป็นเพราะนักเรียนไม่ได้เห็นความสำคัญเกี่ยวกับปญหาสิ่งแวดลอมและการทิ้งขยะเท่าที่ควร จึงไม่ใสใจในการปฏิบัติและรับผิดชอบในการรักษาความสะอาด ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในทางที่ถูกตอง สภาพแวดลอมรอบตัวของนักเรียนที่ไม่เอื้ออํานวยตอการปฏิบัติ เชน ไม่มีการจัดเตรียมภาชนะรองรับขยะมูลฝอยที่มีการแยกทิ้งประเภทขยะมูลฝอย ความพอเพียงของภาชนะที่จะรองรับปริมาณขยะมูลฝอยในแต่ละวัน และแต่ละสถานที่ที่มีการเกิดปริมาณขยะที่ไม่เทากัน นอกจากนี้ยังรวมถึงการขาดความรู เจตคติ และการกระตุนจากครู เพื่อน และผู้ปกครอง การปลูกฝงจิตสํานึกที่ดีในการรักษาความสะอาดใหกับนักเรียน ผลการวิจัยครั้งนี้สอดคลองกับผลการวิจัยของวิชาญ มณีโชติ (2537 : บทคัดยอ) ที่ได้ศึกษาพฤติกรรมการอนุรักษสิ่งแวดลอมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปที่ 3 ในจังหวัดสงขลา ผลการวิจัย พบวา นักเรียนสวนมากมีพฤติกรรมการอนุรักษสิ่งแวดลอมอยู่ในระดับพอใช (2) นักเรียนชายและหญิง มีพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยพบวานักเรียนหญิงมีคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยสูงกวานักเรียนชาย ทั้งนี้เนื่องจากบุคคลจะมีแบบแผนแหงการพัฒนาเฉพาะตามแบบแผนของแต่ละคน ซึ่งเพศชายและหญิงจะมีความแตกต่างกัน ทั้งร่างกายและจิตใจ เป้าหมายของชีวิต พฤติกรรมทางสังคม ความคิดเห็น ค่านิยมในการอบรมเลี้ยงดูลูกผู้หญิง ที่มีความละเอียดอ่อนมากกวาลูกผู้ชาย ผลการวิจัยครั้งนี้สอดคลองกับการศึกษาของ อมรรัตน รีกิจติศิริกูล (2530 : บทคัดยอ) ที่ได้ศึกษาพฤติกรรมเกี่ยวกับการสงเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดลอมของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนตนในเขตกรุงเทพมหานคร ผลการวิจัยพบวา นักเรียนชายและนักเรียนหญิงมีพฤติกรรมเกี่ยวกับการสงเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดลอมในโรงเรียนแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยนักเรียนหญิงมีพฤติกรรมการปฏิบัติตอสิ่งแวดลอมในโรงเรียนดีกวานักเรียนชาย (3) นักเรียนที่มีระดับการศึกษาต่างกันมีพฤติกรรมการทิ้งขยะมูลฝอยไม่แตกต่างกัน ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากการได้รับความรูจากแหล่งการเรียนรูที่คล้ายกัน จึงมีความแตกต่างกันไม่มากเท่าที่ควร และนักเรียนอยู่ในสภาพแวดลอมเดียวกัน การปฏิบัติจึงไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ นอกจ