สูตรแห่งความสุข.....ในชีวิตประจำวัน
สูตรที่ว่านี้มีง่ายๆ อย่างนี้
๑. ดื่มน้ำให้มาก
๒.
กินอาหารเช้าเหมือนราชา,รับประทานอาหารเที่ยงเหมือนเจ้าชายและเมื่อถึงอาหารเย็น,
ให้วาดภาพว่าตัวเองเป็นแค่ขอทาน(แปลว่ากินมือหนักที่สุดตอนเช้า,และกลางๆ ตอนเที่ยง
และตกเย็นแล้ว,ทำตัวเป็นยาจก,ไม่มีอะไรจะกิน...สุขภาพจะเป็นอย่างเทวดาทีเดียวเชียวแหละ)
๓.กินอาหารที่โตบนต้นและบนดิน,พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ผลิตจากโรงงาน
๔.ใช้ชีวิตบนหลักการ3
E...นั่นคือenergyหรือพลังงาน,
enthusiasm หรือกระตือรือร้น
และempathyคือเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มากๆ
๕.
หาเวลาทำสมาธิหรือสวดมนต์เสมอ
๖.
เล่นเกมสนุกๆ เสียบ้าง,อย่าเครียดกันนักเลย
๗.
อ่านหนังสือให้มากขึ้น...ตั้งเป้าว่าปีนี้จะอ่านมากกว่าปีที่ผ่านมา
๘. นั่งเงียบๆ
อยู่กับตัวเองสักวันละ10นาทีให้ได้
๙. นอนวันละ7ชั่วโมง
๑๐.เดินสักวันละ10ถึง30นาที,แล้วแต่จะสะกวด,ไม่ต้องเครียดกับมัน,วันไหนไม่ได้เดิน,
ก็อย่าหงุดหงิดกับมัน
๑๑.ระหว่างเดิน,อย่าลืมยิ้ม
นั่นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพกายและใจที่ผสมปนเปกันได้เสมอ,หากทำเป็นกิจวัตร, ชีวิตก็จะแจ่มใส, แต่อย่าทำให้ตัวเองเครียดด้วยการรู้สึกผิดถ้าหากวันไหนทำไม่ได้ตามที่วางกำหนดเวลาของตนเอาไว้วันนี้
ไม่ได้,พรุ่งนี้ทำก็ได้แต่การไม่เอาจริงเอาจังกับตัวเองเกินไปไม่ได้หมายถึงการ
ผัดวันประกันพรุ่ง,ซึ่งเป็น คนละเรื่องกัน
สูตรเกี่ยวกับบุคลิกของตัวเองที่ควรไปจะคู่กับสูตรสุขภาพมีดังนี้
๑.
อย่าเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับคนอื่นคุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณอิจฉานั้นเขามีความทุกข์ยิ่งกว่าคุณ
อย่างไรบ้าง
๒.
อย่าคิดทางลบเกี่ยวกับเรื่องที่คุณควบคุมหรือกำหนดไม่ได้แทนที่จะมองโลกในแง่ร้าย,ก็ทุ่มเทกำลังและ
พลังงานให้กับความคิดทางบวก
ณ ปัจจุบันเสีย
๓.
อย่าทำอะไรเกินกว่าที่ตัวเองทำได้...รู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน
๔. อย่าเอาจริงเอาจังกับตัวเองนักเพราะคนอื่นเขาไม่ได้ซีเรียสกับคุณเท่าไหร่หรอก
๕.
อย่าเสียเวลาและพลังงานอันมีค่าของคุณกับเรื่องหยุมหยิมหรือเรื่องซุบซิบ....นอกเสียจากว่ามันจะ
ทำให้คุณผ่อนคลายได้อย่างจริงจัง
๖.
จงฝันตอนตื่นมากกว่าตอนหลับ
๗.ความรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่าๆ
ปลี้ ๆ...คิดให้ดีก็จะรู้ว่าคุณมีทุกอย่างที่คุณจำเป็น
ต้องมีแล้ว
๘.ลืมเรื่องขัดแย้งในอดีตเสีย
และอย่าได้เตือนสามีหรือภรรยาคุณเกี่ยวกับความผิดพลาดในอดีตของ
อีกฝ่ายหนึ่งเลยเพราะมันจะทำลายความสุขปัจจุบันของคุณ
๙.
ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่เราจะไปโกรธเกลียดใคร...จงอย่าเกลียดคนอื่น
๑๐.ประกาศสงบศึกกับอดีตให้สิ้น,จะได้ไม่ทำลายปัจจุบันของคุณ
๑๑.ไม่มีใครกำหนดความสุขของคุณได้นอกจากคุณเอง
๑๒.จงเข้าใจเสียว่าชีวิตก็คือโรงเรียนคุณมาเพื่อเรียนรู้
และปัญหาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักสูตร
ซึ่งมาแล้วก็หายไป...เหมือนโจทย์วิชาพีชคณิต...แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้นั้นอยู่กับคุณตลอดชีวิต
๑๓.จงยิ้มและหัวเราะมากขึ้น
๑๔.คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถกแถลงกับคนอื่นหรอก...บางครั้งก็ยอมรับว่าเราเห็นแตกต่าง
กันได้...เห็นพ้องที่จะเห็นต่างก็ไม่เห็นเสียหายแต่อย่างไร
แล้วเราควรจะมีทัศนคติอย่างไรต่อชุมชนและคนรอบข้างเราล่ะ?
๑. อย่าลืมโทรฯหาครอบครัวบ่อยๆ
๒.
จงหาอะไรดีๆ ให้คนอื่นทุกวัน
๓.
จงให้อภัยทุกคนสำหรับทุกอย่าง
๔.
จงหาเวลาอยู่กับคนอายุเกิน ๗๐ และต่ำกว่า
๖ ขวบ
๕.
พยายามทำให้อย่างน้อย3คนยิ้มได้ทุกวัน
๖.
คนอื่นเขาคิดอย่างไรกับคุณไม่ใช่เรื่องของคุณสักหน่อย
๗.
งานของคุณไม่ดูแลคุณตอนคุณป่วยหรอกแต่ครอบครัวและเพื่อนคุณต่างหากเล่าที่จะดูแลคุณ
ในยามคุณมีปัญหาสุขภาพดังนั้น,อย่าได้ห่างเหินกับคนใกล้ชิดเป็นอันขาด
และถ้าหากสามารถดำรงชีวิตให้มีความหมายได้,ก็ควรจะทำดังต่อไปนี้
๑.
ทำสิ่งที่ควรทำ
๒.
อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์,ไม่สวย,ไม่น่ารื่นรมย์,จงทิ้ง
ไปเสีย...เก็บไว้ทำไม?
๓.
เวลาและพระเจ้าย่อมรักษาแผลทุกอย่างได้
๔.
ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือเลวปานใด,เดี๋ยวมันก็เปลี่ยน
๕.
ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรในตอนเช้าของทุกวัน,จงลุกจากเตียง,แต่งตัวและปรากฏตัวต่อหน้า
คนที่เราร่วมงานด้วย...get up, dress
up and show up.
๖.
สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง
๗.
ถ้าคุณยังลุกขึ้นตอนเช้าได้,อย่าลืมขอบคุณพระเจ้า
หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือเสียด้วย
๘.
เชื่อเถอะว่าส่วนลึกๆ ในใจของคุณนั้นมีความสุขเสมอ...ดังนั้น,ส่วนนอกของคุณทุกข์โศกไปทำไมเล่า?
ที่มา
http://www3.cdd.go.th/phetchaburi/boardsmf/index.php?topic=36.0
มิสชัญญานุช บางปา
ผู้สรุป