รูปภาพของอภิชาต อานามนารถ
การพัฒนางานธุรการและงานสารบรรณโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา
โดย อภิชาต อานามนารถ - พฤหัสบดี, 28 มีนาคม 2024, 04:29PM
 

การพัฒนางานธุรการและงานสารบรรณโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา

Development of clerical and administrative tasks

Assumption Nakhon Ratchasima School

อภิชาต อานามนารถ

บุคลากรทางการศึกษา งานสารบรรณ ฝ่ายธุรการ-การเงิน

โรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา

บทคัดย่อ

ผู้วิจัยให้กลุ่มตัวอย่างได้ร่วมแสดงความคิดเห็น เพื่อให้ได้ผลการวิจัยตรงวัตถุประสงค์และนำการวิจัยไปใช้ในการพัฒนางานสารบรรณ ฝ่ายธุรการ-การเงินโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมาพบว่า

1 .จากการศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการพัฒนางานสารบรรณ ฝ่ายธุรการ-การเงินโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่าส่วนใหญ่เป็นคณะครูเพศหญิงโรงเรียนอัสสัมชัญ จำนวน 35 คน คิดเป็นร้อยละ 70.00 มีอายุอยู่ในช่วง 36 - 40 ปี จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 ระดับการศึกษาปริญญาตรี จำนวน 46 คน คิดเป็นร้อยละ 92.00 ประสบการณ์การทำงาน 5-10 ปี จำนวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 38.00

2. จากการพัฒนางานสารบรรณ ฝ่ายธุรการ ผลการวิเคราะห์ตามสภาพปัจจุบันการใช้งานระบบงานสารบรรณ ทั้งหมด 50 คน พบว่า ด้านความรู้ความเข้าใจในระบบงานสารบรรณมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับที่มาก 3.86 ด้านการใช้งานในระบบงานสารบรรณมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับที่มาก 3.88 ด้านระบบเครือข่ายที่ใช้งานกับระบบงานสารบรรณมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับที่ปานกลาง 3.46 และด้านอุปกรณ์ที่ใช้กับงานระบบงานสารบรรณมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับที่มาก 3.88

3. งานสารบรรณ ฝ่ายธุรการโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมามีการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

คำสำคัญ : การพัฒนางานสารบรรณ , งานธุรการ

* งานสารบรรณ สังกัด ฝ่ายธุรการ-การเงิน

Email : Apichard1991@gmail.com 

บทนำ

งานธุรการและงานสารบรรณ เป็นหน่วยงานที่สำคัญงานหนึ่งของการบริหารจัดการงานทั่วไป ที่จะทำให้การปฏิบัติงานสำนักงานเกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพในการดำเนินการ เป็นหน่วยงานที่ มีความสำคัญและส่งผลต่อการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ๆ ให้สามารถดำเนินการต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล เป็นงานบริการและเกี่ยวข้องกับเอกสารที่ต้องใช้กฎหมายและระเบียบแบบแผนทางราชการประกอบการบริหารงานเป็นอย่างมาก หน่วยงานต้องพร้อมที่จะสามารถดำเนินงาน ตามจุดมุ่งหมายที่ต้องการ จึงกำหนดขอบข่ายงานครอบคลุมถึงการวางแผนการบริหารงานธุรการและงานสารบรรณ เพื่อองค์กรและบุคลากรของส่วนราชการได้ให้บริการข้อมูลข่าวสารของการบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการรับส่งเอกสาร การตอบโต้เอกสาร ซึ่งเป็นหลักฐานในทางราชการอันจะอำนวยประโยชน์ต่อการประสานงานได้อย่างมาก ซึ่ง กองเทพ เคลือบพนิชกุล (2526, 69)ได้กล่าวว่า งานสารบรรณเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิบัติราชการทุกหน่วยงานที่ผู้บริหารและผู้รับผิดชอบในด้านนี้จะต้องเรียนรู้และเข้าใจ จะต้องมาติดต่อการประสานงาน และดำเนินงานด้านเอกสารทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน ทำให้มีการใช้เอกสารในการติดต่อประสานงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งการจัดการบริหารงานเอกสารทั้งหลายทั้งปวงเป็นหน้าที่ของผู้ปฏิบัติธุรการและสารบรรณที่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ หากเอกสารผิดพลาดล่าช้า สูญหาย ซํ้าซ้อน สับสน ไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ การบริการที่ไม่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับผู้รับบริการได้ จะส่งผลให้การบริหารงานด้านเอกสารไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การทำงานไม่บรรลุผลสัมฤทธิ์ได้ปัจจุบันจากการดำเนินงานจากฝ่ายธุรการและ สารบรรณโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา พบว่า การบริหารงานสารบรรณประสบปัญหาความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย จึงจำเป็นต้องพัฒนางานสารบรรณฝ่ายธุรการและสารบรรณโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา ให้สามารถดำเนินงานต่าง ๆ ได้ถูกต้องตามระเบียบงานสารบรรณอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

กรอบแนวคิดในการวิจัย (Conceptual Framework)

ครูผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษา

งานสารบรรณ ฝ่ายธุรการ - การเงิน


วัตถุประสงค์

1. เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการพัฒนางานสารบรรณ ฝ่ายธุรการ-การเงินโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา

2. เพื่อพัฒนางานสารบรรณ ฝ่ายธุรการ-การเงินโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา

วิธีวิจัย

ตัวแปรที่ศึกษา

ตัวแปรอิสระ

- เพศ ได้แก่ ชาย และหญิง

- ตำแหน่ง ได้แก่ ครูผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษา

ตัวแปรตาม

การพัฒนางานสารบรรณ ฝ่ายธุรการ-การเงินโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา

1. ประชากร

1. ประชากร เป็นครูผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา จำนวน 210 คน

2. กลุ่มตัวอย่าง เป็นครูผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา จำนวน 20 คน จากการสุ่มตัวอย่างเป็นครูผู้สอน จำนวน 10 คน และบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 10 คน

2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมครั้งนี้ เป็นแบบสอบถามซึ่งมีอยู่ 3 ตอน คือ

ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับลักษณะส่วนบุคคล

ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามประเภทมาตราประมาณค่า สอบถามเกี่ยวกับความต้องการ

พัฒนางานสารบรรณ ฝ่ายธุรการ-การเงินโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา

กำหนดเป็น 5 ระดับ ดังนี้

ระดับ 5 หมายถึง ความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด

ระดับ 4 หมายถึง ความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก

ระดับ 3 หมายถึง ความคิดเห็นอยู่ในระดับปานกลาง

ระดับ 2 หมายถึง ความคิดเห็นอยู่ในระดับน้อย

ระดับ 1 หมายถึง ความคิดเห็นอยู่ในระดับน้อยที่สุด

ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะ

3. การเก็บรวบรวมข้อมูล

ผู้วิจัยให้กลุ่มตัวอย่างได้ร่วมแสดงความคิดเห็น เพื่อให้ได้ผลการวิจัยตรงวัตถุประสงค์และนำการวิจัยไปใช้ในการพัฒนางานสารบรรณ ฝ่ายธุรการ-การเงินโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมาโดยมีขั้นตอนในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดังนี้

1. ศึกษาเอกสารต่างที่เกี่ยวข้อง งานสารบรรณฝ่ายธุรการ-การเงิน

2. วิเคราะห์ทิศทางการพัฒนาโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมาตามแผนยุทธศาสตร์

3. การออกแบบเครื่องมือผู้วิจัยมีขั้นตอนในการดำเนินการออกแบบเครื่องมือ

4. นำแบบสอบถามไปใช้กับบุคลากรโรงเรียนที่เข้าใช้บริการ (กลุ่มตัวอย่าง)

 5. นำแบบสอบถามที่ได้มาวิเคราะห์สถิติ

 6. สรุปและประเมินผล

4. การวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้วิจัยทำการประมวลผลข้อมูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ โดยใช้ค่าสิถิติ ดังนี้

1. ค่าเฉลี่ย (Mean)

2. ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

1. ตัวแปรที่ศึกษา

ตัวแปรอิสระ

- เพศ ได้แก่ ชาย และหญิง

- ตำแหน่ง ได้แก่ ครูผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษา

ตัวแปรตาม

การพัฒนางานสารบรรณ ฝ่ายธุรการ-การเงินโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา

2. กลุ่มเป้าหมาย

1. ประชากร เป็นครูผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา จำนวน 210 คน

2. กลุ่มตัวอย่าง เป็นครูผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา จำนวน 20 คน จากการสุ่มตัวอย่างเป็นครูผู้สอน จำนวน 10 คน และบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 10 คน

3. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล

เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมครั้งนี้ เป็นแบบสอบถามซึ่งมีอยู่ 3 ตอน คือ

ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับลักษณะส่วนบุคคล

ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามประเภทมาตราประมาณค่า สอบถามเกี่ยวกับความต้องการ

พัฒนางานสารบรรณ ฝ่ายธุรการ-การเงินโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา

กำหนดเป็น 5 ระดับ

ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะ

4. วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล

ผู้วิจัยให้กลุ่มตัวอย่างได้ร่วมแสดงความคิดเห็น เพื่อให้ได้ผลการวิจัยตรงวัตถุประสงค์และนำการวิจัยไปใช้ในการพัฒนางานสารบรรณ ฝ่ายธุรการ-การเงินโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมาโดยมีขั้นตอนในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดังนี้

1. ศึกษาเอกสารต่างที่เกี่ยวข้อง งานสารบรรณฝ่ายธุรการ-การเงิน

2. วิเคราะห์ทิศทางการพัฒนาโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมาตามแผนยุทธศาสตร์

3. การออกแบบเครื่องมือผู้วิจัยมีขั้นตอนในการดำเนินการออกแบบเครื่องมือ

4. นำแบบสอบถามไปใช้กับบุคลากรโรงเรียนที่เข้าใช้บริการ (กลุ่มตัวอย่าง)

5. นำแบบสอบถามที่ได้มาวิเคราะห์สถิติ

6. สรุปและประเมินผล

ผลการวิจัย

ผู้วิจัยให้กลุ่มตัวอย่างได้ร่วมแสดงความคิดเห็น เพื่อให้ได้ผลการวิจัยตรงวัตถุประสงค์และนำการวิจัยไปใช้ในการพัฒนางานสารบรรณ ฝ่ายธุรการ-การเงินโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมาพบว่า

ตารางที่ 1 แสดงจำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามเพศ

เพศ

จำนวน(คน)

ร้อยละ

ชาย

 15

30.00

หญิง

35

70.00

รวม

 50

100.00

จากตาราง 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่าส่วนใหญ่เป็นคณะครูโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา ทั้งหมด 50 คน จำแนกตามเพศ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 35 คน คิดเป็นร้อยละ 70.00 และเป็นเพศชาย จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00

ตารางที่ 2 แสดงจำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามอายุ

อายุ

จำนวน(คน)

ร้อยละ

ต่ำกว่า 25 ปี

1

2.00

25 - 30 ปี

8

16.00

31 35 ปี

14

28.00

36 – 40 ปี

15

30.00

มากกว่า 40 ปี

12

24.00

รวม

50

100.00

จากตาราง 2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ตอบแบบสอบถาม ทั้งหมด 50 คน พบว่าส่วน จำแนกตามอายุ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีอายุ 36 - 40 ปี จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 อายุ 31 - 35 ปี จำนวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 28.00 อายุมากกว่า 40 ปี จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 24.00 อายุ 25 - 30 ปี จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 16.00 และอายุต่ำกว่า 25 ปี จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 2.00

ตารางที่ 3 แสดงจำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามระดับการศึกษา