SCHOOL EMBLEM

ความหมายและตราโรงเรียน

  • ตราสัญลักษณ์ของภราดาคณะเซนต์คาเบรียล :

ตรานี้เป็นเครื่องแสดงเอกลักษณ์และความสามัคคีของบรรดาสมาชิกอัสสัมชัญและมีความสำคัญมากในฐานะเป็นที่รวมหัวใจหลายพันหลายหมื่นไว้ให้อยู่ ภายใต้สำนึกแห่งการประพฤติปฏิบัติร่วมกัน ซึ่งความหมายของตราสัญลักษณ์ มีดังนี้

  • โล่ หรือ Coat of Arms :

โล่ หรือ Coat of Arms ที่อยู่ใจกลางของตรานี้เป็นเครื่องหมายแสดงเกียรติประวัติ อันยาวนานและยั่งยืนของสถาบันภราดาและคณะเซนต์คาเบรียล ภายในเป็นโล่ แบ่งเป็น 4 ส่วน ซึ่งมีความหมายเชื่อมโยงกัน ดังนี้

  • A.M. และช่อดอกลิลลี่สีขาว คำว่า A.M. :

A.M. และช่อดอกลิลลี่สีขาว คำว่า A.M. คือ Ave Maria (ภาษาละติน) Maria เป็นชื่อของมารดาของพระเยซูคริสต์ Ave Maria ตรงกับภาษาไทย ว่าวันทาแม่มารี ช่อดอกลิลลี่สีขาว เป็นเครื่องแสดงถึงความบริสุทธิ์

  • รูปเรือใบ เปรียบได้กับ "นาวาชีวิต" :

รูปเรือใบ เปรียบได้กับ "นาวาชีวิต" ของคนเราที่จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ เหมือนเรือที่จะต้องฝ่าลมมรสุม แดด และฝนในท้องทะเลมิให้อับปางไปจนถึงฝั่งเป็นคติให้ได้ คิดเสมอว่า "ชีวิตคือการต่อสู้ "

  • ดวงดาว และ เรือพาย :

ดวงดาว และ เรือพาย หมายถึง แสงแห่งความหวังซึ่งมีศาสนาเป็นแสงธรรม และสรรพวิทยาที่ได้รับจาก โรงเรียนเป็นแสงแห่งปัญญา รวมกันเป็นดุจดวงประทีปนำทาง ชีวิตของคนเราให้เดินหน้าบรรลุจุดหมายของชีวิต

  • อักษรโรมันตัว D และ S :

อักษรโรมันตัว D และ S : D-Divinity หมายถึง ศาสนา ทุกคนต้องมีศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ S-Science หมายถึง วิทยาการ ความรู้ที่มีเหตุผล ที่ทุกคนต้องขนขวาย เครื่องหมายกางเขน เป็นเครื่องหมายแสดงถึงความเสียสละและความรัก

  • ดอกไม้ และ กิ่ง Olive :

ดอกไม้ และ กิ่ง Olive ที่ประดับรองโล่นั้น เป็นมาลัยเกียรติยศที่จะเตือนใจทุกคน ให้กระทำความดี เพื่อเชิดชูและจรรโลง ไว้ซึ่งเกียรติยศชื่อเสียงของตนเองและสถาบันให้มั่นคงยั่งยืน ดังคำว่า "Labor Omnia Vincit" (LaborConquers All Things) ที่อยู่ใต้ชื่อ Brothers of St. Gabriel เป็นคติพจน์ (motto) ประจำใจของสมาชิกในครอบครัวที่จะต้องมี ความวิริยะอุตสาหะ ซึ่งจะนำมาแห่งความสำเร็จ


สีประจำโรงเรียน

  • สีประจำโรงเรียน :

สีประจำโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา คือ สีแดง และ สีขาว


เพลงประจำโรงเรียน

  • เพลงประจำโรงเรียน :

ที่มาของเพลงสดุดีอัสสัมชัญนั้น พบว่า ตั้งแต่ พ.ศ. 2478 มีเพลงที่ชื่อว่าสดุดีอัสสัมชัญแล้ว ซึ่งแต่งขึ้นในโอกาสสุวรรณสมโภชโรงเรียนอัสสัมชัญ โดยได้บรรเลงเป็นครั้งแรกในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ปีนั้นเอง แต่หลังจากนั้นก็ไม่พบว่ามีการบรรเลงในโอกาสใดอีกต่อมาในปี พ.ศ. 2481 นายธนิต ราชภัณฑารักษ์ (OMAC 9916) ซึ่งได้ศึกษาดนตรีจาก นายโชติ สิงหเสนี (OMAC 8722) ได้แต่งคำร้องเพลงสดุดีอัสสัมชัญขึ้น โดยอาศัยทำนองเพลง Le Defile du Regiment ในหนังสือ Le Livre de Musique ของ Claude Aug? เป็นหนังสือเรียนวิชาดนตรี ซึ่งภราดาหลุยส์ โนบิรอง (เดินทางสู่ประเทศไทยเมื่อ 7 มกราคม พ.ศ. 2450 มรณภาพเมื่อ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2510 มีฉายาว่า หลุยส์แตร) เป็นผู้สอน และเพลงสดุดีอัสสัมชัญจึงกลายเป็นเพลงประจำสถาบันนับแต่นั้น
มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการเขียนชื่อและเนื้อเพลงสดุดีอัสสัมชัญ ในกรณีที่ใช้ในสถาบันอื่นๆ นอกจากโรงเรียนอัสสัมชัญ คือการเติมเครื่องหมายไปยาลน้อย (ฯ) หลังคำว่าอัสสัมชัญ ทั้งชื่อและเนื้อเพลง
แม้ว่าเพลงสดุดีอัสสัมชัญ จะเป็นเสมือนเพลงหลักของโรงเรียนในคณะภราดาเซนต์คาเบรียลไปแล้วก็ตาม หากแต่ยังคงเป็นเพลงที่มีความสำคัญต่อนักเรียน รวมถึงผู้มี "สายเลือดอัสสัมชัญ" ทุกคน ทำหน้าที่เป็นดังสายใยเชื่อมโยงพี่น้อง แม้ต่างสถาบัน หากแต่ความเป็นอัสสัมชัญนั้นคือความเป็นหนึ่งเดียว ที่จะถูกรื้อฟื้นทุกครั้ง ที่เสียงเพลงสดุดีอัสสัมชัญได้ยิน และถูกเปล่งออกมาอย่างพร้อมเพรียง"อัสสัมชัญจงมาพร้อมใจกันเถิด มาชูเชิด AC ไว้ชั่วดินฟ้า"

  • เนื้อร้อง เพลงสดุดีอัสสัมชัญ :

(*) ชื่ออัสสัมชัญนั้นเด่นมาช้านาน ยังมีพยานปรากฏรับรอง ไม่เคยมีใครลบเกียรติอัสสัมชัญ เราต้องช่วยกันคอยประคับประคอง เพื่อมิให้ลายขาวและแดงของเราเศร้าและหมอง คงผ่องใสสะอาดตา คอยพยุงชื่อ ถือเกียรติศักดิ์อัสสัมชัญไว้ทุกวันเวลา พวกเรามาเถิดมาร่วมจิตพร้อมกัน เป็นเอกฉันท์เพื่อช่วยอวยพร ให้อัสสัมชัญนั้นชื่อคงถาวรฟุ้งเฟื่องขจรไว้ชั่วนิรันดร์ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ
(**) อัสสัมชัญ โห่ให้ลั่นเพื่ออวยชัยให้ เอซี นามที่เรารักและทูนเทิด อัสสัมชัญ จงมาพร้อมใจกันเถิด มาชูเชิด เอซี ไว้ชั่วดินฟ้า (ซ้ำ (*)/(**))